ป้ายด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ เปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ๑๐.๓๐ น.ถึง ๑๕.๓๐ น. เชิงสะพานนวรัฐ ฝั่งตะวันออก
วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
MUSEUM BENJAPON: พระราชพิธีจองเปรียง
MUSEUM BENJAPON: พระราชพิธีจองเปรียง: " สวัสดีครับวันนี้ผมก็จะอัญเชิญพระราชนิพนธ์พระราชพิธีจองเปรียงในสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมา นำเสนอต่อคงจะยาวหน่อยน่ะครับเพราะนี้ก็ล่วงเ..."
พระราชพิธีจองเปรียง
สวัสดีครับวันนี้ผมก็จะอัญเชิญพระราชนิพนธ์พระราชพิธีจองเปรียงในสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมา นำเสนอต่อคงจะยาวหน่อยน่ะครับเพราะนี้ก็ล่วงเลยวันเพ็ญเดือนสิบสองมากลายวันกลัวจะเฝือไปน่ะครับ แต่เนื่องจากยาวมากก็คงต้องแบ่งเป็นอีกสองตอน ดังนี้ครับ
หน้าที่ ๑๒ ถึงหน้าที่ ๑๔
ครั้นเมื่อแผ่นดินพระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้มีเติมขึ้นที่น่าพระที่นั่ง
อนันตสมาคม โคมไชย ๒ ต้น โคมบริวาร ๑๐ ต้น แต่ใช้โคม
แก้วกระจกสีเขียว, สีแดง, สัน้ำเงิน, สีเหลือง, สีขาว, อย่างล่ะคู่ การ
พระราชพิธียกเสาโคมไชยนั้น เมื่อเวลาเสด็จประทับอยู่พระที่นั่ง
จักรพรรดิพิมาน ก็ทำที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ เมื่อเวลาเสด็จ
ไปประทับอยู่ในพระที่นั่งฝ่ายบุรพทิศ ก็ทำที่พระที่นั่งสุทไธสวรรย์
บ้าง ด้วยมีเสาโคมไชยขึ้นในที่นั้น แลเมื่อเสด็จพระราชดำเนิน
ประพาศตามหัวเมืองมีพระราชวังแห่งใด ก็โปรดให้ยกเสาโคม
ไชยสำหรับพระราชวังนั้น คือที่วังจันทรเกษม วังนารายน์ราช
นิเวศน์ แลพระนครคิรี แลที่วังปฐมเจดีย์ทุกแห่ง เทียน
ซึ่งสำหรับจุดโคมไชยคืนละ ๒๔ เล่ม (ฤามีเสาโคมไชยทางพระ
ที่นั่งอนันตสมาคมก็เปน ๑๒ เล่ม) ฟั่นที่ห้องนมัสการเล่มยาว ๆ พอ
จุดได้ตลอด ๓ ชั่วโมงยังเหลือเศษ ในเวลาสวดมนต์ยกโคมไชย
เจ้าพนักงานนำเทียนนี้ไปเข้าพิธีด้วย แล้วจึงเก็บไว้ถวายวันละ ๒๔
เล่มฤาครบสำรับหนึ่ง เวลาพลบเสด็จพระราชดำเนินออกประทับ
ที่เสาโคมไชย มหาดเล็กนำพานเทียน ๒๔ เล่ม กับเทียนชนวน
ซึ่งเสียบอยู่กับเชิงเล่ม ๑ วางมาในพานเล่ม ๑ ขึ้นถวาย พระมหา
ราชครูพิธีจึงนำตลับเปรียงขึ้นถวาย บ่ายพระภักตร์สู่ทิศศรีของ
วันนั้น แล้วทรงเจิมเทียนทั้งมัดนั้นด้วยเปรียง เปนรูปอุณาโลม
ด้วยคาถา "อรหํ สัมมาสัมพุทโธ " แล้วจึงทรงทาเปรียงทั่วทุก
เล่มเทียน ชักเทียนออกจากมัด ๖ เล่ม พระมหาราชครูจึงจุด
เทียนชนวน ซึ่งมีมาแต่โรงพิธีจากโคมซึ่งตามเพลิงมานั้น
ถวาย ทรงเทียนชนวนซึ่งเสียบมากับเชิงจุดเพลิงจากเทียนชนวน
พราหมณ์ แล้วทรงบริกรรมคาถา "ทิวาตปติอาทิจ์โจ" จนถึง
"มังคลัต์ถํ ปสิท์ธิยา" แล้วจึงทรงจุดเทียน ๖ เล่มนั้น เมื่อติด
ทั่วกันแล้วทรงอธิฐานด้วยคาถา "อรหํ สัม์มาสัม์พุท์โธ" จน
ตลอดแล้วจึงได้พระราชทานเทียนเล่ม ๑ ให้กรมพระตำรวจรับไปปัก
ในโคมไชยต้นที่หนึ่ง ที่เหลือนั้นอีก ๕ เล่ม พระราชทานพระเจ้า
ลูกเธอไปทรงจุดในโคมไชยประเทียบ ในเวลาเมื่อทรงชัก
สายโคมไชย เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์ฆ้องไชยพิณพาทย์
จนสิ้นเวลาที่ยกโคม มีแต่ยามแรกยามเดียว เมื่อยกโคม
เสร็จแล้วพระราชทานเทียนสำหรับโคมไชยโคมประเทียบ ที่ยัง
เหลืออยู่อีก ๑๘ เล่ม สำหรับไว้เปลี่ยนอีก ๓ ยาม แลเทียน
ชนวนที่เสียบอยู่บนเชิง ให้กรมพระตำรวจรับไปจุดโคมบริวาร เทียน
ชนวนซึ่งเหลืออยู่อีกเล่มหนึ่งนั้น พระราชทานพระมหาราชครูพิธี
สำหรับจะได้นำมาเปนชนวนจุดเพลิงถวาย ในคืนหลัง ๆ ต่อไป
ในตอนนี้ด้านท้ายมีคำอธิบายว่า "พระที่นั่งอนันตสมาคมในพระราชนิพนธ์นี้หมายว่าองค์แรก สร้างเมื่อรัชกาลที่ ๔ อยู่ตรงหลังพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ เดี๋ยวนี้รื้อเสียแล้ว" ส่วนพระที่นั่งอนันตสมาคมที่สร้างใหม่ที่ปลายถนนราชดำเนินในพระราชวังสวนดุสิตนั้น สร้างในปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ.๒๔๕๐เพื่อใช้เป็นที่ออกมหาสมาคม โดยเจ้าพระยายมราช(ปั้น สุขุม)เป็นแม่กองจัดการก่อสร้าง สถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์ และนีโอคลาสสิก ภายนอกประดับด้วยหินอ่อนจากเมืองคารารา ประเทศอิตาลี ซึ่งรายละเอียด คงนำมาเสนอต่อไปเมื่อมีโอกาสน่ะครับ.
หน้าที่ ๑๒ ถึงหน้าที่ ๑๔
ครั้นเมื่อแผ่นดินพระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้มีเติมขึ้นที่น่าพระที่นั่ง
อนันตสมาคม โคมไชย ๒ ต้น โคมบริวาร ๑๐ ต้น แต่ใช้โคม
แก้วกระจกสีเขียว, สีแดง, สัน้ำเงิน, สีเหลือง, สีขาว, อย่างล่ะคู่ การ
พระราชพิธียกเสาโคมไชยนั้น เมื่อเวลาเสด็จประทับอยู่พระที่นั่ง
จักรพรรดิพิมาน ก็ทำที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ เมื่อเวลาเสด็จ
ไปประทับอยู่ในพระที่นั่งฝ่ายบุรพทิศ ก็ทำที่พระที่นั่งสุทไธสวรรย์
บ้าง ด้วยมีเสาโคมไชยขึ้นในที่นั้น แลเมื่อเสด็จพระราชดำเนิน
ประพาศตามหัวเมืองมีพระราชวังแห่งใด ก็โปรดให้ยกเสาโคม
ไชยสำหรับพระราชวังนั้น คือที่วังจันทรเกษม วังนารายน์ราช
นิเวศน์ แลพระนครคิรี แลที่วังปฐมเจดีย์ทุกแห่ง เทียน
ซึ่งสำหรับจุดโคมไชยคืนละ ๒๔ เล่ม (ฤามีเสาโคมไชยทางพระ
ที่นั่งอนันตสมาคมก็เปน ๑๒ เล่ม) ฟั่นที่ห้องนมัสการเล่มยาว ๆ พอ
จุดได้ตลอด ๓ ชั่วโมงยังเหลือเศษ ในเวลาสวดมนต์ยกโคมไชย
เจ้าพนักงานนำเทียนนี้ไปเข้าพิธีด้วย แล้วจึงเก็บไว้ถวายวันละ ๒๔
เล่มฤาครบสำรับหนึ่ง เวลาพลบเสด็จพระราชดำเนินออกประทับ
ที่เสาโคมไชย มหาดเล็กนำพานเทียน ๒๔ เล่ม กับเทียนชนวน
ซึ่งเสียบอยู่กับเชิงเล่ม ๑ วางมาในพานเล่ม ๑ ขึ้นถวาย พระมหา
ราชครูพิธีจึงนำตลับเปรียงขึ้นถวาย บ่ายพระภักตร์สู่ทิศศรีของ
วันนั้น แล้วทรงเจิมเทียนทั้งมัดนั้นด้วยเปรียง เปนรูปอุณาโลม
ด้วยคาถา "อรหํ สัมมาสัมพุทโธ " แล้วจึงทรงทาเปรียงทั่วทุก
เล่มเทียน ชักเทียนออกจากมัด ๖ เล่ม พระมหาราชครูจึงจุด
เทียนชนวน ซึ่งมีมาแต่โรงพิธีจากโคมซึ่งตามเพลิงมานั้น
ถวาย ทรงเทียนชนวนซึ่งเสียบมากับเชิงจุดเพลิงจากเทียนชนวน
พราหมณ์ แล้วทรงบริกรรมคาถา "ทิวาตปติอาทิจ์โจ" จนถึง
"มังคลัต์ถํ ปสิท์ธิยา" แล้วจึงทรงจุดเทียน ๖ เล่มนั้น เมื่อติด
ทั่วกันแล้วทรงอธิฐานด้วยคาถา "อรหํ สัม์มาสัม์พุท์โธ" จน
ตลอดแล้วจึงได้พระราชทานเทียนเล่ม ๑ ให้กรมพระตำรวจรับไปปัก
ในโคมไชยต้นที่หนึ่ง ที่เหลือนั้นอีก ๕ เล่ม พระราชทานพระเจ้า
ลูกเธอไปทรงจุดในโคมไชยประเทียบ ในเวลาเมื่อทรงชัก
สายโคมไชย เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์ฆ้องไชยพิณพาทย์
จนสิ้นเวลาที่ยกโคม มีแต่ยามแรกยามเดียว เมื่อยกโคม
เสร็จแล้วพระราชทานเทียนสำหรับโคมไชยโคมประเทียบ ที่ยัง
เหลืออยู่อีก ๑๘ เล่ม สำหรับไว้เปลี่ยนอีก ๓ ยาม แลเทียน
ชนวนที่เสียบอยู่บนเชิง ให้กรมพระตำรวจรับไปจุดโคมบริวาร เทียน
ชนวนซึ่งเหลืออยู่อีกเล่มหนึ่งนั้น พระราชทานพระมหาราชครูพิธี
สำหรับจะได้นำมาเปนชนวนจุดเพลิงถวาย ในคืนหลัง ๆ ต่อไป
ในตอนนี้ด้านท้ายมีคำอธิบายว่า "พระที่นั่งอนันตสมาคมในพระราชนิพนธ์นี้หมายว่าองค์แรก สร้างเมื่อรัชกาลที่ ๔ อยู่ตรงหลังพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ เดี๋ยวนี้รื้อเสียแล้ว" ส่วนพระที่นั่งอนันตสมาคมที่สร้างใหม่ที่ปลายถนนราชดำเนินในพระราชวังสวนดุสิตนั้น สร้างในปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ.๒๔๕๐เพื่อใช้เป็นที่ออกมหาสมาคม โดยเจ้าพระยายมราช(ปั้น สุขุม)เป็นแม่กองจัดการก่อสร้าง สถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์ และนีโอคลาสสิก ภายนอกประดับด้วยหินอ่อนจากเมืองคารารา ประเทศอิตาลี ซึ่งรายละเอียด คงนำมาเสนอต่อไปเมื่อมีโอกาสน่ะครับ.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)