ที่จริงวันนี้ก็ล่วงเลยวันลอยกระทงมาหลายวันแล้วแต่ความรู้เกี่ยวกับพระราชพิธีลอยพระประทีปนำไปใช้ประโยชน์อีกมากมายจึงอัญเชิญพระราชนิพนธ์เรื่องนี้มาให้ท่านผู้สนใจได้ทราบ ซึ่งข้อนข้างยาวคงจะมีหลาย ๆ ตอนอยู่ ขอเชิญท่านผู้สนใจติดตามดังนี้ครับ
หน้าที่ ๒๕ ถึงหน้าที่ ๒๗
การลอยพระประทีป
การลอยพระประทีปลอยกระทงนี้ เปนนักขัตฤกษ์ที่รื่นเริง
ทั่วไปของชนทั้งปวงทั่วกัน ไม่เฉภาะแต่การหลวง แต่จะนับว่าเปน
พระราชพิธีอย่างใดก็ไม่ได้ ด้วยไม่ได้มีพิธีสงฆ์พิธีพราหมณ์อัน
ใดเกี่ยวข้องเนื่องในการลอยพระประทีปนั้น เว้นไว้แต่จะเข้าใจว่า
ตรงกับคำที่ว่าลอยโคมลงน้ำเช่นกล่าวมาแล้ว แต่ควรนับว่าเปน
ราชประเพณี ซึ่งมีมาในแผ่นดินสยามแต่โบราณ ตั้งแต่พระ
นครยังอยู่ฝ่ายเหนือ เมื่อตรวจดูในกฎมณเฑียรบาลซึ่งได้ยกมา
อ้างในเบื้องต้น ต่อความที่ว่าพิธีจองเปรียงลดชุดลอยโคมลงน้ำ
ไป มีความต่อไปว่า " ตั้งระทาดอกไม้ ในพระเมรุ ๔ ระทา หน้ง
๒ โรง" การเรื่องนี้ก็คงจะตรงกันกับที่มีดอกไม้เพลิงที่วัดพระศรี
รัตนสาศดาราม แลที่ชลาทรงบาตรบูชาหอพระในพระบรมมหา
ราชวัง ต่อนั้นไปก็ว่าด้วยการลอยประทีป การลอยประทีปที่ว่า
ในกฎหมายนี้มีเนื้อความเค้าเรื่องนพมาศ ซึ่งว่าท้าวศรีจุฬา
ลักษณ์ซึ่งเปนท้าวพระสนมเอก แต่ครั้งพระเจ้าอรุณมหาราชคือ
พระร่วง ซ฿งพระเจ้าแผ่นดินสยามตั้งแต่กรุงตั้งอยู่ ณ เมืองศุโข
ไทย ได้กล่าวไว้ว่าในเวลาฤดูเดือนสิบสอง เปนเวลาเสด็จลง
ประพาศในลำน้ำตามพระราชพิธีในเวลากลางคืน พระอรรคมเหษี
แลพระสนมฝ่ายใน ตามเสด็จในเรือพระที่นั่งทอดพระเนตรการ
นักขัตฤกษ์ ซึ่งราษฎรเล่นในเม่น้ำตามกำหนดปี เมื่อนาง
นพมาศได้เข้ามารับราชการ จึงได้คิดอ่านทำกระทงถวายพระเจ้า
แผ่นดิน เปนรูปดอกบัวแลรูปต่าง ๆ ให้ทรงลอยตามสายน้ำไหล
แลคิดคำขับร้องขึ้นถวายพระเจ้าแผ่นดินทรงพระราชดำริห์จัดเรือ
พระที่นั่ง เทียบขนานกันให้ใหญ่กว้าง สำหรับพระสนมฝ่านใน
จะได้ตามเสด็จประพาศได้มาก ๆ ขึ้นกว่าแต่ก่อน และพระสนมที่
ตามเสด็จประพาศในการพระราชพิธีนั้น ย่อมตกแต่งประดับประดา
กายเปนอันมาก เมื่อพระสนมทั้งปวงได้ตามเสด็จด้วยกันโดยมาก
ดังนั้น พระเจ้าแผ่นดินก็ต้องพระราชทานเครื่องวัตถาอาภรณ์ต่าง ๆ
ทั่วไปเปนที่ชื่นชมยินดีทั่วกัน มีข้อความพิศดารยืดยาว เนื้อ
ความก็คล้ายคลึงกันกับจดหมายถ้อยคำขุนหลวงหาวัด ซึ่งได้
กล่าวว่าพระเจ้าแผ่นดินกรุงเก่า ฤาเปนพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐนั้น
เอง เสด็จลงเรือพระที่นั่ง ทรงพระภูษาขาว เครื่องราชอาภรณ์
ล้วนแต่ทำด้วยเงิน แล้วล่องลงไปตามลำน้ำ มีจุดดอกไม้เพลิงที่
น่าพระอารามต่าง ๆ ข้อความยืดยาวอีกแต่ไม่รับประกันว่าฉบับที่ดี
พิมพ์ไว้นั้นเปนความจริงทั้งสิ้น เพราะข้าพเจ้าได้อ่านฉบับเดิมนั้น
ช้านานมาแล้ว จะถูกต้องหันฤาไม่ถูกต้องไม่ได่ตรวจตราลเอียด
แต่ข้อความก็ลงเปนรอยเดียวกันกับที่มีอยู่ในกฎมณเฑียรบาลได้
ความว่า ในฤดูเดือนสิบสองเปนเวลาที่น้ำในแม่น้ำใสสอาดแล
มากเต็มฝั่ง ทั้งเปนเวลาที่สิ้นฤดูฝน ในกลางเดือนนั้นพระจันทร์
ก็มีแสงสว่างผ่องใส เปนสมัยที่สมครวรจะรื่นเริงในลำน้ำในเวลา
กลางคืน พระเจ้าแผ่นดินจึงได้เสด็จลงประพาศตามลำน้ำพร้อม
ด้วยพระราชบริพารฝ่ายใน เปนประเพณีมีมาแต่กรุงศุโขไทยฝ่าย
เหนือโน้นแล้ว
ครับจากในพระราชนิพนธ์นี้ยังคงมีต่ออีกถึงหน้าที่ ๔๒ ซึ่งผมจะอัญเชิญมาเปนตอน ๆไป น่ะครับ.
ป้ายด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ เปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ๑๐.๓๐ น.ถึง ๑๕.๓๐ น. เชิงสะพานนวรัฐ ฝั่งตะวันออก
วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น