ป้ายด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ เปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ๑๐.๓๐ น.ถึง ๑๕.๓๐ น. เชิงสะพานนวรัฐ ฝั่งตะวันออก
วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
MUSEUM BENJAPON: พระประวัติ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี
MUSEUM BENJAPON: พระประวัติ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี: " ในวันนี้คงเปนสำเนาพระราชโทรเลข และพระราชหัตถเลขาฉบับสุดท้ายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ เจ้าแก้วนวรัฐ ฯ ผู้คองนครเชียง..."
พระประวัติ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี
ในวันนี้คงเปนสำเนาพระราชโทรเลข และพระราชหัตถเลขาฉบับสุดท้ายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ เจ้าแก้วนวรัฐ ฯ ผู้คองนครเชียงใหม่ได้ทรงอัญเชิญมาไว้ในหนังสือพระราชประวัติ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี พิมพ์ในงานถวายพระเพลิง ปี จอ พ.ศ. ๒๔๗๗ และมีด้วยพระราชหัตถเลขารัชชกาลที่ ๗ ที่มีถึงพระราชชายา ฯ อีก หนึ่งฉบับ ดังนี้
หน้าที่ ๕๔ ถึงหน้าที่ ๕๕
(สำเนาพระราชโทรเลข)
ที่ ๑๒ จากปากน้ำโพ
วันที่ ๗ พฤศจิกายน ร.ศ. ๑๒๘
เจ้าดารารัศมี เชียงใหม่
ได้รับโทรเลขแล้ว เสียดายที่มีเหตุขัดข้อง ไม่มีวันก่อนขึ้น
เรือนที่จะได้ตกแต่งห้อง จะล่องได้เมื่อใดขอให้โทรเลขให้ทราบ
มีความยินดีที่ครูบาให้พระพุทธรูป อยากทราบว่าหน้าตักหรือขนาด
ฐาน กว้างเท่าใด จะได้จัดที่ตั้งไว้รับที่เรือน พระนี้เป็นศิริสำหรับตัว
จะมาทางเรือหรือทางบก ขอให้พามาถึงพร้อมกับตัว จะได้ทันแต่ง
ในการขึ้นเรือน จะได้บอกแม่เล็กให้ตระเตรียมในการที่จะเลี้ยงดู
ฝนกรุงเทพ ณ เวลานี้ชุกนัก น่ากลัวน้ำจะมากอย่างปีกลาย แต่อย่า
วิตก ที่เรือนน้ำไม่ท่วม.
(พระบรมนามาภิธัย) สยามมินทร์
แม่เล็ก คือสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาท ส่วนครูบานั้นจะลองสืบค้นดูว่าเปนท่านใดหรือท่านใดที่ทราบแจ้งให้ผมด้วยครับ ต่อไปก็เป็นพระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชการที่ ๗ ที่ทรงพระราชทานมายังพระราชชายา ดังนี้
พระราชหัตถเลขารัชชกาลที่ ๗
วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๖๙
ถึง พระราชยายา เจ้าดารารัศมี
ด้วยเจ้าบุญวาทวงศ์มานิต ฯ เจ้านครลำปางถึงพิลาลัยช้านาน
ยังหาได้ปลงศพไม่ ด้วยลูกหลานผู้ที่จะเป็นผู้มีกำลังพอจะเป็นหัวหน้า
จัการศพไม่มีตัว แลทรัพย์สมบัติของเจ้านครลำปางก็สาปสูญ
ไปเสีย ในเรื่องจัดการมรดกไม่ดีเป็นอันมาก จึงเป็นเหตุให้ศพ
ตกค้างอยู่หลายปีจนป่านนี้ ฉันรู้ สึกสงสารและรำคาญใจ ด้วย
เจ้าบุญวาทวงศ์มานิตเป็นเจ้านายผู้ใหญ่ในมณฑลพายัพ และมี
ความชอบความดีมาแต่ก่อน หาควรจะให้ศพต้องทิ้งค้างต่อไปไม่
จึงขอตั้งกรรการเจ้านายผู้ใหญ่ในมณฑลพายัพ ซึ่งเป็นญาติวงศ์กับ
เจ้านครลำปาง คือ ให้พระราชชายา เจ้าดารารัศมี เป็นสถานายิกา
พร้อมด้วยเจ้าแก้วนวรัฐ ฯ เจ้านครเชียงใหม่ เจ้าจักร์คำขจรศักดิ์
เจ้านครลำพูน เจ้าราชวงศ์ เมืองนครลำปาง ทั้ง ๔ นี้เป็นกรรมการ
ถือรับสั่งจัดการปลงศพเจ้าบุญวาทวงศ์มานิต ฯ เจ้านครลำปาง ถ้า
และจะขอให้รัฐบาลช่วยเหลือประการใด ก็ให้กรรมการแจ้งแก่
สมุหเทศาภิบาลให้ทราบ สุดแต่ให้จัดการสำเร็จได้ดังประสงค์.
(พระบรมนามาภิธัย) ประชาธิปก ป.ร.
ครับในพระราชหัตถเลขาฉบับนี้ รัชกาลที่ ๗ ก็ยังทรงห่วงใยพระญาติฝ่ายเหนือโดยตลอดมา
วันนี้ได้ ก็เป็นหน้าสุดท้ายใน พระประวัติพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ที่เจ้าแก้วนวรัฐ ฯ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เรียบเรียง พิมพ์ในงานถวานพระเพลิง ปีจอ พ.ศ. ๒๔๗๗ แล้ว ถ้าหากท่านได้ตามอ่านตั้งแต่หน้าที่ ๑ ถึง หน้าที่ ๕๕ ก็จะได้ทราบพระประวัติ พระราชกิจ และในช่วงกลาง จะได้ทราบถึงความผูกพันธ์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู้หัวพระราชทานต่อพระราชชายาอย่างมากมายอันด้วยความที่พระราชชายาทรงมีพระปรีชาสามารถในหลายด้าน และทรงมีพระอัธยาศัย พระจริยาวัตรอันงดงาม หนักแน่น และทรงมีวิริยะในราชกิจต่าง ๆ และที่ทรงความสามารถทางด้านการแสดง พระนิพนธ์ และทรงเป็นที่รักเคาพรของพระบรมวงศสานุวงศ์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ และเมื่อทรงเสด็จกลับมาประทับยังนครเชียงใหม่ ยังทรงพระราชกิจอย่างต่อเนื่อสร้างคุณูปารต่อชาวล้านนาและยังเป็นสายสัมพันธ์เชื่อต่อระหว่างราชจักรีวงศ์ และราชวงศ์ ณ เชียงใหม่ ตลอดมา และเนื่องในวันที่ ๙ ธันวาคม นี้จะครบรอบวันสิ้นพระชนม์ จึงเป็นโอกาสที่จะได้รำลึกถึงพระองค์ท่าน จึงขอเชิญชวนให้ทุกท่านได้ไปกราบระลึกถึงพระองค์ท่านยังอนุเสาวรีย์ พระตำหนักดาราภิรมณ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะมีการจัดพิธีสักการะเป็นประจำทุก ปี โดยพร้อมเพรียงกัน ขอบคุณครับ.
หน้าที่ ๕๔ ถึงหน้าที่ ๕๕
(สำเนาพระราชโทรเลข)
ที่ ๑๒ จากปากน้ำโพ
วันที่ ๗ พฤศจิกายน ร.ศ. ๑๒๘
เจ้าดารารัศมี เชียงใหม่
ได้รับโทรเลขแล้ว เสียดายที่มีเหตุขัดข้อง ไม่มีวันก่อนขึ้น
เรือนที่จะได้ตกแต่งห้อง จะล่องได้เมื่อใดขอให้โทรเลขให้ทราบ
มีความยินดีที่ครูบาให้พระพุทธรูป อยากทราบว่าหน้าตักหรือขนาด
ฐาน กว้างเท่าใด จะได้จัดที่ตั้งไว้รับที่เรือน พระนี้เป็นศิริสำหรับตัว
จะมาทางเรือหรือทางบก ขอให้พามาถึงพร้อมกับตัว จะได้ทันแต่ง
ในการขึ้นเรือน จะได้บอกแม่เล็กให้ตระเตรียมในการที่จะเลี้ยงดู
ฝนกรุงเทพ ณ เวลานี้ชุกนัก น่ากลัวน้ำจะมากอย่างปีกลาย แต่อย่า
วิตก ที่เรือนน้ำไม่ท่วม.
(พระบรมนามาภิธัย) สยามมินทร์
แม่เล็ก คือสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาท ส่วนครูบานั้นจะลองสืบค้นดูว่าเปนท่านใดหรือท่านใดที่ทราบแจ้งให้ผมด้วยครับ ต่อไปก็เป็นพระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชการที่ ๗ ที่ทรงพระราชทานมายังพระราชชายา ดังนี้
พระราชหัตถเลขารัชชกาลที่ ๗
วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๖๙
ถึง พระราชยายา เจ้าดารารัศมี
ด้วยเจ้าบุญวาทวงศ์มานิต ฯ เจ้านครลำปางถึงพิลาลัยช้านาน
ยังหาได้ปลงศพไม่ ด้วยลูกหลานผู้ที่จะเป็นผู้มีกำลังพอจะเป็นหัวหน้า
จัการศพไม่มีตัว แลทรัพย์สมบัติของเจ้านครลำปางก็สาปสูญ
ไปเสีย ในเรื่องจัดการมรดกไม่ดีเป็นอันมาก จึงเป็นเหตุให้ศพ
ตกค้างอยู่หลายปีจนป่านนี้ ฉันรู้ สึกสงสารและรำคาญใจ ด้วย
เจ้าบุญวาทวงศ์มานิตเป็นเจ้านายผู้ใหญ่ในมณฑลพายัพ และมี
ความชอบความดีมาแต่ก่อน หาควรจะให้ศพต้องทิ้งค้างต่อไปไม่
จึงขอตั้งกรรการเจ้านายผู้ใหญ่ในมณฑลพายัพ ซึ่งเป็นญาติวงศ์กับ
เจ้านครลำปาง คือ ให้พระราชชายา เจ้าดารารัศมี เป็นสถานายิกา
พร้อมด้วยเจ้าแก้วนวรัฐ ฯ เจ้านครเชียงใหม่ เจ้าจักร์คำขจรศักดิ์
เจ้านครลำพูน เจ้าราชวงศ์ เมืองนครลำปาง ทั้ง ๔ นี้เป็นกรรมการ
ถือรับสั่งจัดการปลงศพเจ้าบุญวาทวงศ์มานิต ฯ เจ้านครลำปาง ถ้า
และจะขอให้รัฐบาลช่วยเหลือประการใด ก็ให้กรรมการแจ้งแก่
สมุหเทศาภิบาลให้ทราบ สุดแต่ให้จัดการสำเร็จได้ดังประสงค์.
(พระบรมนามาภิธัย) ประชาธิปก ป.ร.
ครับในพระราชหัตถเลขาฉบับนี้ รัชกาลที่ ๗ ก็ยังทรงห่วงใยพระญาติฝ่ายเหนือโดยตลอดมา
วันนี้ได้ ก็เป็นหน้าสุดท้ายใน พระประวัติพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ที่เจ้าแก้วนวรัฐ ฯ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เรียบเรียง พิมพ์ในงานถวานพระเพลิง ปีจอ พ.ศ. ๒๔๗๗ แล้ว ถ้าหากท่านได้ตามอ่านตั้งแต่หน้าที่ ๑ ถึง หน้าที่ ๕๕ ก็จะได้ทราบพระประวัติ พระราชกิจ และในช่วงกลาง จะได้ทราบถึงความผูกพันธ์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู้หัวพระราชทานต่อพระราชชายาอย่างมากมายอันด้วยความที่พระราชชายาทรงมีพระปรีชาสามารถในหลายด้าน และทรงมีพระอัธยาศัย พระจริยาวัตรอันงดงาม หนักแน่น และทรงมีวิริยะในราชกิจต่าง ๆ และที่ทรงความสามารถทางด้านการแสดง พระนิพนธ์ และทรงเป็นที่รักเคาพรของพระบรมวงศสานุวงศ์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ และเมื่อทรงเสด็จกลับมาประทับยังนครเชียงใหม่ ยังทรงพระราชกิจอย่างต่อเนื่อสร้างคุณูปารต่อชาวล้านนาและยังเป็นสายสัมพันธ์เชื่อต่อระหว่างราชจักรีวงศ์ และราชวงศ์ ณ เชียงใหม่ ตลอดมา และเนื่องในวันที่ ๙ ธันวาคม นี้จะครบรอบวันสิ้นพระชนม์ จึงเป็นโอกาสที่จะได้รำลึกถึงพระองค์ท่าน จึงขอเชิญชวนให้ทุกท่านได้ไปกราบระลึกถึงพระองค์ท่านยังอนุเสาวรีย์ พระตำหนักดาราภิรมณ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะมีการจัดพิธีสักการะเป็นประจำทุก ปี โดยพร้อมเพรียงกัน ขอบคุณครับ.
MUSEUM BENJAPON: พระราชพิธีจองเปรียง
MUSEUM BENJAPON: พระราชพิธีจองเปรียง: " วันนี้เป็นวันเพ็ญเดือน ๑๒ ใต้ ผมขออนุญาติที่อัญเชิญพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงไว้ในเรื่องพระราชพิธีสิ..."
พระราชพิธีจองเปรียง
วันนี้เป็นวันเพ็ญเดือน ๑๒ ใต้ ผมขออนุญาติที่อัญเชิญพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงไว้ในเรื่องพระราชพิธีสิบสองเดือน ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พิมพ์เปนของพระราชทานในงานพระศพ พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าเจริญศรีชนมายุ ปีวอก พ.ศ. ๒๕๖๓ พิมพ์ที่โรงพิมพ์ไทย ถนนรองเมือง กรุงเทพ ฯ ซึ่งพระราชนิพนธ์นี้ทรงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปีชวด พ.ศ. ๒๔๓๑ในหนังสือวชิรญาณ ที่พิมพ์แจกสมาชิกทุกสัปดาห์ ซึ่งพระราชนิพนธ์เพระราชพิธีจองเปรียง นี้มี ตั้งแต่หน้า ๙ ถึง ๑๖ ซึ่งอัญเชิญมาเสนอเปนตอน ๆ ไป ดังนี้
ตอนที่ ๑ หน้าที่ ๙ ถึงหน้า ๑๐
เดือน ๑๒
พระราชพิธีจองเปรียง
การพระราชพิธีในเดือน ๑๒ ซึ่งมีมาในกฏมณเฑียรบาลว่า
พิธีจองเปรียง ลดชุดลอยโคม ตรวจดูในความพิศดาร ใน
กฏหมายนั้นเองก็ไม่มีข้อความใด กล่าวถึงเสาโคมแลการจุดโคม
อย่องหนึ่งอย่างใดชัดเจน ฤาจะเปนด้วยเปนการจืด ผู้ที่แต่ง
ถือว่าใคร ๆ ก็เห็นตัวอย่างอยู่แล้วไม่ต้องกล่าว มีความแปลก
ออกมานิดเดียว แต่ที่ว่าการพิธีจองเปรียงลดชุดลอยโคม แลเดิม
"ลงน้ำ" เข้าอิกคำหนึ่ง คำที่ว่า "ลงน้ำ" นี้จะแปลว่ากระไร
ก็สันนิฐานยาก จะเข้าใจว่าเอาโคมที่เปนโครงไม้ไผ่หุ้มผ้าที่ชัก
อยู่บนเสามาแต่ต้นเดือนลดลงแล้วไปทิ้งลงในน้ำ ก็ดูเคอะไม่ได้
การเลย ฤาอีกอย่างหนึ่งจะเปนวิธีว่าเมื่อลดโคมแล้ว ลอยกระทง
สมมติว่าเอาโคมนั้นลอยไปตามลัทธิพราหมณ์ ที่พอใจลอยอะไร ๆ
จัดอยู่เช่นกับลอยบาปล้างบาป จะถือว่าเปนลอยเคราะห์ลอยโศก
อย่างใดไปได้ดอกกระมัง การก็ตรงกันกับลอบกระทง ลางที
จะสมมติว่าลอยโคม ข้อความตามกฏมณเฑียรบาลมีอยู่แต่เท่านี้
ส่วนการพระราชพิธี ซึ่งได้ประพฤติอยู่ในประจุบันนี้นับว่า
เปนพระราชพิธีพราหมณ์ มิได้เกี่ยวข้องด้วยพระพุทธสาสนาสืบมา
กำหนดที่ยกโคมนั้นตามประเพณีโบราณว่าถ้าปีใดมีอธิกมาศ ให้
ยกโคมตั้งแต่วันขึ้นค่ำหนึ่งไป จนวันแรมสองค่ำเปนวันลดโคม
ถ้าปีใดไม่มีอธิกมาศ ให้ยกโคมขึ้นสิบสี่ค่ำ เดือนอ้านขึ้นค่ำหนึ่ง
เปนวันลดโคม อีกนัยหนึ่งว่ากำหนดตามโหราสาตรว่าพระอาทิตย์
ถึงราษีพิจิกร พระจันทร์อยู่ราษีพฤศภเมื่อใด เมื่อนั้นเปนกำหนดที่
จะยกโคม อิกนัยหนึ่งกำหนดด้วยดวงดาวกติกาคือดาวลูกไก่
ถ้าเห็นดาวลูกไก่นั้นตั้งแต่ค่ำจนรุ่งเมื่อใด เปนเวลายกโคม การ
ที่ยกโคมขึ้นนั้นตามคำโบราณกล่าวว่ายกขึ้นเพื่อบูชาพระเปนเจ้า
ทั้งสาม คือพระอิศวร พระนารายน์ พระพรหม การซึ่ง
ว่าบูชาพระเปนเจ้าทั้งสามนี้เปนต้นตำราแท้ ในเวลาถือไสยสาตร
แต่ครั้งเมื่อพระเจ้าแผ่นดินทรงนับถือพระพุทธสาสนา ก็กล่าวว่าบูชา
พระบรมสารีริกธาตุ พระจุฬามณีในดาวดึงษพิภพ แลบูชา
พระพุทธบาท ซึ่งปรากฎอยู่ณหาดทรายเรียกว่านะมะทานที เปน
ที่ฝูงนาคทั้งปวงสักการบูชาอยู่ แต่ถึงโคมไชยที่อ้างว่าบูชา
พระบรมสารีริกธาตุพระพุทธบาทดังนี้แล้ว ก็ยังเปนพิธีของพราหมณ์
พวกเดียว คือตั้งแต่พระราชพิธีพราหมณ์ก็เข้าพิธีที่โรงพิธีใน
พระบรมมหาาราชวัง แลเวลาเช้าถวายน้ำพระมหาสังข์ตลอดจนวัน
ลดโคม เทียนที่จะจุดในโคมนั้นก็ทาเปรียง คือไขข้อพระโคซึ่ง
เปนลัทธิพราหมณ์แท้ ........
ในวันนี้นอัญเชิญมาเสนอเพียงแค่นี้แล้วจะนำเสนอในวันต่อ ๆ ไป ซึ่งเมื่ออ่านก็คงพอสรุปด้ว่าแต่แรกเริ่มนั้นมีการแขวนโคมที่เป็นโครงไม้ไผ่หุ้มด้วยผ้าแขวนบูชายังเทพพระเจ้าในศาสนาพราหมณ์อยู่ก่อนแล้วนั้นเองครับ ซึ่งสิ่งที่ยังไม่เปี่ยนแปลงมาจนถึงทุกวันนี้คือการที่โครงโคมใช้ไม้ไผ่และหุ้มด้วยผ้าซึ่งยังทำอยู่ทุกวันนี้ในจังหวัดเชียงใหม่ครับ.
ตอนที่ ๑ หน้าที่ ๙ ถึงหน้า ๑๐
เดือน ๑๒
พระราชพิธีจองเปรียง
การพระราชพิธีในเดือน ๑๒ ซึ่งมีมาในกฏมณเฑียรบาลว่า
พิธีจองเปรียง ลดชุดลอยโคม ตรวจดูในความพิศดาร ใน
กฏหมายนั้นเองก็ไม่มีข้อความใด กล่าวถึงเสาโคมแลการจุดโคม
อย่องหนึ่งอย่างใดชัดเจน ฤาจะเปนด้วยเปนการจืด ผู้ที่แต่ง
ถือว่าใคร ๆ ก็เห็นตัวอย่างอยู่แล้วไม่ต้องกล่าว มีความแปลก
ออกมานิดเดียว แต่ที่ว่าการพิธีจองเปรียงลดชุดลอยโคม แลเดิม
"ลงน้ำ" เข้าอิกคำหนึ่ง คำที่ว่า "ลงน้ำ" นี้จะแปลว่ากระไร
ก็สันนิฐานยาก จะเข้าใจว่าเอาโคมที่เปนโครงไม้ไผ่หุ้มผ้าที่ชัก
อยู่บนเสามาแต่ต้นเดือนลดลงแล้วไปทิ้งลงในน้ำ ก็ดูเคอะไม่ได้
การเลย ฤาอีกอย่างหนึ่งจะเปนวิธีว่าเมื่อลดโคมแล้ว ลอยกระทง
สมมติว่าเอาโคมนั้นลอยไปตามลัทธิพราหมณ์ ที่พอใจลอยอะไร ๆ
จัดอยู่เช่นกับลอยบาปล้างบาป จะถือว่าเปนลอยเคราะห์ลอยโศก
อย่างใดไปได้ดอกกระมัง การก็ตรงกันกับลอบกระทง ลางที
จะสมมติว่าลอยโคม ข้อความตามกฏมณเฑียรบาลมีอยู่แต่เท่านี้
ส่วนการพระราชพิธี ซึ่งได้ประพฤติอยู่ในประจุบันนี้นับว่า
เปนพระราชพิธีพราหมณ์ มิได้เกี่ยวข้องด้วยพระพุทธสาสนาสืบมา
กำหนดที่ยกโคมนั้นตามประเพณีโบราณว่าถ้าปีใดมีอธิกมาศ ให้
ยกโคมตั้งแต่วันขึ้นค่ำหนึ่งไป จนวันแรมสองค่ำเปนวันลดโคม
ถ้าปีใดไม่มีอธิกมาศ ให้ยกโคมขึ้นสิบสี่ค่ำ เดือนอ้านขึ้นค่ำหนึ่ง
เปนวันลดโคม อีกนัยหนึ่งว่ากำหนดตามโหราสาตรว่าพระอาทิตย์
ถึงราษีพิจิกร พระจันทร์อยู่ราษีพฤศภเมื่อใด เมื่อนั้นเปนกำหนดที่
จะยกโคม อิกนัยหนึ่งกำหนดด้วยดวงดาวกติกาคือดาวลูกไก่
ถ้าเห็นดาวลูกไก่นั้นตั้งแต่ค่ำจนรุ่งเมื่อใด เปนเวลายกโคม การ
ที่ยกโคมขึ้นนั้นตามคำโบราณกล่าวว่ายกขึ้นเพื่อบูชาพระเปนเจ้า
ทั้งสาม คือพระอิศวร พระนารายน์ พระพรหม การซึ่ง
ว่าบูชาพระเปนเจ้าทั้งสามนี้เปนต้นตำราแท้ ในเวลาถือไสยสาตร
แต่ครั้งเมื่อพระเจ้าแผ่นดินทรงนับถือพระพุทธสาสนา ก็กล่าวว่าบูชา
พระบรมสารีริกธาตุ พระจุฬามณีในดาวดึงษพิภพ แลบูชา
พระพุทธบาท ซึ่งปรากฎอยู่ณหาดทรายเรียกว่านะมะทานที เปน
ที่ฝูงนาคทั้งปวงสักการบูชาอยู่ แต่ถึงโคมไชยที่อ้างว่าบูชา
พระบรมสารีริกธาตุพระพุทธบาทดังนี้แล้ว ก็ยังเปนพิธีของพราหมณ์
พวกเดียว คือตั้งแต่พระราชพิธีพราหมณ์ก็เข้าพิธีที่โรงพิธีใน
พระบรมมหาาราชวัง แลเวลาเช้าถวายน้ำพระมหาสังข์ตลอดจนวัน
ลดโคม เทียนที่จะจุดในโคมนั้นก็ทาเปรียง คือไขข้อพระโคซึ่ง
เปนลัทธิพราหมณ์แท้ ........
ในวันนี้นอัญเชิญมาเสนอเพียงแค่นี้แล้วจะนำเสนอในวันต่อ ๆ ไป ซึ่งเมื่ออ่านก็คงพอสรุปด้ว่าแต่แรกเริ่มนั้นมีการแขวนโคมที่เป็นโครงไม้ไผ่หุ้มด้วยผ้าแขวนบูชายังเทพพระเจ้าในศาสนาพราหมณ์อยู่ก่อนแล้วนั้นเองครับ ซึ่งสิ่งที่ยังไม่เปี่ยนแปลงมาจนถึงทุกวันนี้คือการที่โครงโคมใช้ไม้ไผ่และหุ้มด้วยผ้าซึ่งยังทำอยู่ทุกวันนี้ในจังหวัดเชียงใหม่ครับ.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)