ผมนำพระราชนิพนธ์ในล้นเกล้ารัชการที่ ๕ พระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวายมาเสนอต่อ ดังนี้ หน้าที่ ๘๑ ถึงหน้าที่ ๘๓
แต่ถึงว่าสาสนาทั้งสามเปนสาสนาเดียวกันก็ดี ข้อความที่
ลงกันอยู่ก็แต่เหตุผลที่เปนรากง่าว แต่วิธีที่จะบูชาเส้นสรวงแล
อาการความประพฤติของพระพระเปนเจ้านั้น ย่อมเปลี่ยนแปลงยักเยื้อง
กันไปตามความประพฤติที่จะเข้าใจง่ายในประเทศนั้น แลตาม
สำนวนคนในประเทศนั้น ๆ ตกแต่งเรียบเรียงขึ้น ก็บรรดาคัมภีร์
สร้างโลกย์ทั้งปวงย่อมกล่าวกิจการซึ่งพระเปนเจ้าได้ทำนั้นแปลก
ประหลาดต่าง ๆ ตามแต่จะว่าไป ที่ไม่น่าทำไปทำก็มี ที่ควร
จะทำได้เร็วไปทำช้า การที่เห็นว่าน่าจะต้องทำช้าไปทำได้เร็ว ๆ
การที่ไม่พอที่จะวุ่นวายไปได้ต่าง ๆ การที่ไม่พอที่จะเพิก
เฉยก็เพิกเฉย จะยกหยิบเรื่องมาอ้างก็จะยักไห้ยืดยาวหนักไป จะขอ
ย่นย่อข้อความลงตามความประสงค์ในเหตุที่จะกล่าวบัดนี้ว่า บรรดา
หนังสือเรื่องใด ๆ ซึ่งเปนของแต่งไว้แต่โบราณ ผู้แต่งย่อมมีความ
รู้แลวิชาน้อย ด้วยยังไม่มีเวลาที่ได้ทดลองสืบสวนเทียบเคียงการ
เท็จจริงให้ตลอดไป มุ่งหมายแต่ความดีอย่างหนึ่ง แล้วก็แต่ง
หนังสือตามเรื่องราวตามชอบใจของตนซึ่งคิดเห็นว่าจะเปนเหตุชักล่อใจ
คนให้นับถือมากขึ้น แล้วจะได้เชื่อฟังคำสั่งสอนในทางที่ดีซึ่งเปน
ที่มุ่งหมาย มิใช่จะกล่าวมุสาโดยไม่มีประโยชน์ จึงเห็นว่าไม่
เปนการมีโทษอันใด เมื่อคิดเห็นเช่นนั้นแล้วจะเรียบเรียงหนังสือ
ลงว่ากะไรก็เรียงไปตามชอบใจไม่คิดเห็นว่าคนภายหลังจะมีวิชา
ความรู้มากขึ้นจะคัดค้านถ้อนคำของตน ฤาแม้แต่เพียงนีกสงไสย
ประการใดไม่ ความคิดของคนแต่ก่อนเช่นนี้ใช่ว่าจะเปนการผิด
ไปทีเดียว ด้วยเหตุว่ามนุษย์ทั้งปวงในเวลานั้น ก็ย่อมมีความ
รู้ความเห็นน้อยกว่าผู้ที่แต่งหนังสือนั้น ต้องเชื่อถือหนังสือนั้นว่า
เปนความจริงความดีสืบลูกหลานต่อ ๆ มา ถึงว่าลูกหลานต่อลง
มาภายหลังจะนึกสงไสยสนเทห์บ้าง ก็เปนความผิดใหญ่ที่จะหมิ่น
ประมาทต่อความประพฤติของพระเปนเจ้า แต่ผู้ซึ่งจะไม่คิดเลย
เพราะนับถือเสียตั้งแต่เกิดมานั้นมีโดยมาก น้อยก็คงต้องสู้
มากไม้ได้อยู่เปนธรรมดา เพราะฉนั้นคัมภีร์สาสนาพราหมณ์ ฤา
พระยะโฮวา พระอ้าหล่า จึงมีเรื่องราวแลถ้อยคำ อยู่
ในนั้นทุก ๆ ฉบับ คำซึ่งข้าพเจ้าจะกล่าวต่อไปภายน่านั้น บาง
ทีจะดูเหมือนล้อ ๆ พระเปนเจ้าบ้าง จึงขอแสดงความประสงค์
ไว้เสียแต่เบื้องต้นว่าข้าพเจ้าไม่ได้ติดจะยกข้อทุ่มเถียงว่าพระ
เปนเจ้ามีฤาไม่ในเรื่องที่จะกล่าวต่อไปนี้ เปนอันยกเว้นเสียไม่กล่าว
ถึงในข้อนั้นทีเดียว เพราะใช่กาละที่จะกล่าวถึงแลจะทุ่มเถียงกัน
ในเวลานี้ ถ้าจะเปนคำหมิ่นประมาทบ้างก็ไม่ได้คิดหมิ่นประหลาดใน
ถ้อยคำของผู้ที่แต่งเรื่องราวอันไม่ยุติด้วยเหตุด้วยผล เพราะเปน
การล่วงเวลาที่ควรจะใช้จึงเปนการขบขันไปบ้างเท่านั้น เมื่อท่าน
ทั้วปวงได้จำถ้อยคำที่กล่าวนั้ไว้แล้วจงอ่านเรื่องราวต่อนี้ไปเถิด
ในพระราชนิพนธ์ช่วงนี้ก็ทรงกล่าวถึงเหตุผลที่ทรงพระราชนิพนธ์ในย่อหน้าก่อน ๆ เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจ ถึงพระราชประสงค์ครับ.
ป้ายด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ เปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ๑๐.๓๐ น.ถึง ๑๕.๓๐ น. เชิงสะพานนวรัฐ ฝั่งตะวันออก
วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554
พระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย
พระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย
ในเดือนยี่มีพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย ในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีรายละเอียดมากด้วยทรงกล่าวถึงตั้งแต่ประวัติความเชื่อความเป็นมา และที่บางท่านอ่านอาจจะมีบางประโยคที่ไม่สบายใจ ก็ขอใหทราบว่าพระราชนิพนธ์นี้ใช้ภาษาพระราชนิพนธ์ภาษาตรัสแบบโบราณซึ่งถ้าในขณะนั้นเป็นคำธรรมดาที่ใช้กันอยู่แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไปจนปัจจุบันคำหรือประโยคเหล่านั้นอาจเป็นภาษาที่ข้อนข้างแรง ขอให้ท่านโปรดเข้าใจตามนี้ เพราะเป็นความลำบากใจมากผมคิดอยู่หลายตลบว่าจะนำมาเผยแพร่หรือไม่ แต่เมื่อเป็นพระราชนิพนธ์ถ้าหากข้ามไปก็คงขาดเนื้อความที่สมบูรณ์ จึงขออัญเชิญมาทั้งทุกเกือบพระอักษร ครับ หน้าที่ ๗๗ ถึงหน้าที่ ๘๑
การพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย
การพระราชพิธีตรียัมพวาย ซึ่งเปลี่ยนมาแต่เดือนอ้าย
การพิธีนี้ซึ่งกำหนดทำในเดือนอ้าย คงจะเปนเหตุด้วยนับเปลี่ยนปี
เอาต้นฤดูหนาวเปนปีใหม่ของพราหมณ์ ตามเช่นแต่ก่อนเราเคยใช้
มา แต่การที่เลื่อนเปนเดือนห้านั้นจำไว้ชี้แจงต่อเมื่อว่าถึงสงกรานต์
การที่เลื่อนมาเปนเดือนยี่นี้ก็ได้กล่าวแล้วในคำนำ บัดนี้จะขอกล่าว
ตัดความแต่เพียงตรียัมพวายตรีปวายนี้เปนพิธีปีใหม่ของพราหมณ์
ตรงกันกับพิธีมะหะหร่ำของพวกแขกเจ้าเซน นับเปนทำบุญตรุศ
เปลี่ยนปีใหม่ จึงเปนพิธีใหญ่ของพราหมณ์
พราหมณ์พวกซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพ ฯ บัดนี้ ก็เปนเทือกเถา
ของพราหมณ์ซึ่งมาแต่ประเทศอินเดีย แต่ในขณะแต่ก่อนเมือง
นครศรีธรรมราชเปนเมืองใหญ่ข้างฝ่ายใต้ เรือลูกค้าไปมาค้าขาย
อยู่ทั้งสองฝั่งทเล คือข้างฝั่งนี้เข้าถึงเมืองนครศรีธรรมราช ข้าง
ฝั่งตวันตกเข้าทางเมืองตรัง พราหมณ์จึงได้เข้ามาที่เมืองนครศรี
ธรรมราชมาก แล้วจึงขึ้นมาถึงกรุงเทพ ฯ เปนการสดวกดีกว่าที่
จะเดินผ่านเขตรแดนพม่ารามัญ ซึ่งเปนปัจจามิตรของกรุงเทพ ฯ
ตั้งสกัดทางอยู่ข้างฝ่ายเหนือ เพราะฉนั้นเชื้อพราหมณ์ในเมือง
นครศรีธรรมราชไม่มีสิ้นสุดจนถึงบัดนี้ มีเทวสถาน มีเสาชิงช้า
ซึ่งพราหมณ์ยังคงทำพิธี แต่เปนอย่างย่อ ๆ ตามมีตามเกิด เช่น
พิธีตรียัมพวายเอาแต่กระดานขึ้นแขวนเปนสังเขปเปนต้น ที่เข้ามา
อยู่กรุงเทพ ฯในชั้นหลัง ๆ นี้ก็มีโดยมาก จนพูดสำเนียงเปน
ชาวนอกอยู่ก็มี เช่นพระครูอัษฎาจารย์บิดาหลวงสุริยเทเวศร์
เดี๋ยวนี้เปนต้น ลัทธิเวทมนต์อันใดก็ไม่ใคร่ผิดแปลกกัน เปนแต่
เลือน ๆ ลงไปเหมือนพระสงฆ์ในกรุงเทพ ฯ แลหัวเมือง ชรอย
หัวเมืองข้างใต้ตั้งแต่เมืองนครศรีธรรมราชขึ้นมา จะเปนเมืองที่มี
พราหมณ์โดยมาก จนเมืองเพ็ชรบุรีก็ยังมีบ้านพราหมณ์ตั้งสืบ
ตระกูลกันมาช้านานจนถึงเดี๋ยวนี้
ลัทธิของพราหมณ์ที่นับถือพระเปนเจ้าต่าง ๆ บางพวกนับ
ถือพระอิศวรมากกว่าพระนารายน์ บางพวกนับถือพระนารายน์
มากว่าพระอิศวร บางพวกนับถือพรหม บางพวกไม่ใคร่พูด
ถึงพรหม บัดนี้จะว่าแต่เฉภาะพวกพราหมณ์ซึ่งเรียกว่าโหรดาจารย์
ซึ่งเปนผู้ทำพระราชพิธีตรียัมพวายตรีปวายอันเปนต้นเรื่องที่จะกล่าว
แต่พวกเดียว พราหมณ์โหรดาจารย์พวกนี้เปนพราหมณ์ที่สำหรับ
ใช้การพระราชพิธีในกรุงสยามทั่วไป ตั้งแต่การบรมราชาภิเศก
เปนต้น เว้นไว้แต่ที่เกี่ยวข้องด้วยช้างจึงเปนพนักงานพราหมณ์
พฤฒิบาศ พราหมณ์โหรดาจารย์พวกนี้นับถือพระอิศวรว่าเปน
ใหญ่กว่าพระนารายน์ นับถือพระอิศวรคล้ายพระยะโฮวาฤาพระ
อ้าหล่าที่ฝรั่งแลแขกนับถือกัน พระนารายน์นั้นเปนพนักงานสำหรับ
แต่ที่จะอวตารลงมาเกิดในมนุษย์โลกย์ ฤาอาวตารไปในเทวโลกย์
เอง คล้ายกันกับพระเยซูฤาพระมหะหมัด แปลกกันกับพระเยซู
แต่ที่อวตารไปแล้วย่อมทำร้ายแก่ผู้กระทำผิด คล้ายมหะหมัดซึ่ง
ข่มขี่ให้มนุษย์ทั้งปวงถือสาสนาตามลัทธิของตน ควรจะเห็นได้
ว่าสาสนาทั้งสามนี้มีรากง่าวเค้ามูลอันเดียวกัน แต่สาสนาของ
พราหมณ์เปนสาสนาเก่ากว่าสองสาสนา ชรอยคนทั้งปวงจะถือ
สาสนามผู้สร้างโลกย์เช่นนี้ทั่วกันอยู่แต่ก่อนแล้ว เพราะความคิด
เห็นว่าสิ่งใดจะเปนขึ้นเองไม่ได้ ย่อมมีผู้สร้าง การที่มนุษย์ทั้งปวง
จะได้รับความชอบความผิดต้องมีผู้ลงโทษแลผู้ให้บำเหน็จ เมื่อเห็น
พร้อมใจกันอยู่อย่างนี้จึงเรียกผู้มีอำนาจว่า ศิวะ ฤายะโฮวะ
ฤาอ้าหล่า ตามสำเนียงแลภาษา ก็เพราะสาสนาพราหมณ์เปน
สาสนาเก่า ได้กล่าวถึงพระนารายน์รับใช้พระอิศวรลงมาปราบ
ปรามผู้ซึ่งจะทำอันตรายแก่โลกย์เนือง ๆ เมื่อมีผู้คิดเห็นว่าความ
ประพฤติของมนุษย์ทั้งปวงในเวลานั้นไม่ถูกต้อง ก็เข้าใจว่าตัวเปน
พระนารายน์ผู้รับใช้ของพระอิศวรลงมาสั่งสอน ฤาปราบปรามมนุษย์
แต่กระบวนที่จะมาทำนั้นก็ตามแต่อัธยาไศรยแลความสามารถของ
ผู้ที่เชื่อว่าอวตารมา ฤาแกล้งอ้างว่าตัวอวตารมาด้วยความมุ่ง
หมายต่อประโยชน์ซึ่งจะได้ในที่สุด อันตนเห็นว่าเปนการตีการ
ชอบนั้น พระเยซูมีความ ตนว่าเปนลูกพระยะโฮวา คือ
พระอิศวร แต่ไม่มีกำลังสามารถที่จะปราบปรามมนุษย์ด้วยสาตรา
วุธ ก็ใช้แต่ถ้อยคำสั่งสอนจนถึงอันตรายมาถึงตัว ก็ต้องรับอันตราย
กรึงไม้กางเขน พวกศิษย์หาก็ถือว่าเปนการรับบาปแทนมนุษย์
ตามอาการกิริยาซึ่งพระเยซูได้ประพฤติ เปนคนใจอารีมา แต่เดิม
ตามความนับถือที่จะคิดเห็นไป ฝ่ามหะหมัดเกิดภายหลังพระเยซู
เพราะไม่สู้ชอบใจในคำสั่งสอนของพระเยซู จนคิดจะเปลี่ยนแปลง
อยู่แล้วนั้น จึงสามารถที่จะเห็นได้ว่าซึ่งพระเยซูอ้างว่าเปนลูกพระ
ยะโฮวานั้นเปนการ เกินไปแลไม่สู้น่าเชื่อ ทั้งการที่จะป้อง
กันรักษาชีวิต ตามทางพระเยซูประพฤติมานั้นก็ไม่เปนการป้อง
กันได้ จึงได้คิดซ่องสุมกำลังสาตราอาวุธปราบปรามด้วยอำนาจ
แล้วจึงสั่งสอนภายหลัง อ้างตัวว่าเปนแต่ผู้รับใช้ของพระอ้าหล่าให้
อำนาจแลความคิดลงมาสั่งสอนมนุษย์ทั้งปวง การซึ่งมนุษย์ทั้งปวง
เชื่อถือผู้ซึ่งอ้างว่ารับใช้พระอิศวรฤาพระยะโฮวาพระอ้าหล่าลงมาเช่นนั้น ก็ด้วยอาไศรยในคัมภีร์ของพราหมณ์ได้กล่าวไว้ว่าพระนารายน์
ได้รับใช้พระอิศวรลงมาเปนคราว ๆ นั้นเอง จนถึงประจุบันเดี๋ยวนี้
ก็ยังไม่สิ้นความคิดเห็นอย่างนี้ ยังมีมะหะดีอวตารลงมาตามคำ
ทำนายของมหะหมัด มุ่งหมายจะประกาศแก่มนุษย์ทั้งปวงว่าเปน
อวตารตามอย่างเก่า แต่เปนเวลาเคราะห์ร้ายถูกคราวที่มนุษย์
ทั้งปวงเจริญขึ้นด้วยความรู้ไม่ใคร่มีผู้ใดเชื่อถือ จนเราอาจทำนาย
ได้เปนแน่ว่า สืบไปภายน่าพระอิศวรคงจะไม่อาจใช้ใครลงมาได้อิก
ถึงลงมาคงจะไม่มีผู้ใดเชื่อถือ
ในพระราชนิพนธ์ด้านบนนี้ทรงตรัสถึงศาสนาต่าง ๆในโลกที่มีความเกี่ยวพันกัน เพื่อนำไปสู่การมีพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย ต่อไป ตามที่ผมได้เรียนให้ทราบแล้วว่าภาษาที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนภาษาโบราณที่อาจจะไม่คุ้นหูคุ้นเคย ในปัจจุบัน และข้อความที่ปรากฎต่อสาธารณะชนปัจจุบันมีความอ่อนไหวและเกิดความขัดแย้งได้ง่ายจึงขอยกไว้เสีย แต่ไม่มีเจตนาที่จะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแต่อย่างใด ขอบพระคุณครับ
การพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย
การพระราชพิธีตรียัมพวาย ซึ่งเปลี่ยนมาแต่เดือนอ้าย
การพิธีนี้ซึ่งกำหนดทำในเดือนอ้าย คงจะเปนเหตุด้วยนับเปลี่ยนปี
เอาต้นฤดูหนาวเปนปีใหม่ของพราหมณ์ ตามเช่นแต่ก่อนเราเคยใช้
มา แต่การที่เลื่อนเปนเดือนห้านั้นจำไว้ชี้แจงต่อเมื่อว่าถึงสงกรานต์
การที่เลื่อนมาเปนเดือนยี่นี้ก็ได้กล่าวแล้วในคำนำ บัดนี้จะขอกล่าว
ตัดความแต่เพียงตรียัมพวายตรีปวายนี้เปนพิธีปีใหม่ของพราหมณ์
ตรงกันกับพิธีมะหะหร่ำของพวกแขกเจ้าเซน นับเปนทำบุญตรุศ
เปลี่ยนปีใหม่ จึงเปนพิธีใหญ่ของพราหมณ์
พราหมณ์พวกซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพ ฯ บัดนี้ ก็เปนเทือกเถา
ของพราหมณ์ซึ่งมาแต่ประเทศอินเดีย แต่ในขณะแต่ก่อนเมือง
นครศรีธรรมราชเปนเมืองใหญ่ข้างฝ่ายใต้ เรือลูกค้าไปมาค้าขาย
อยู่ทั้งสองฝั่งทเล คือข้างฝั่งนี้เข้าถึงเมืองนครศรีธรรมราช ข้าง
ฝั่งตวันตกเข้าทางเมืองตรัง พราหมณ์จึงได้เข้ามาที่เมืองนครศรี
ธรรมราชมาก แล้วจึงขึ้นมาถึงกรุงเทพ ฯ เปนการสดวกดีกว่าที่
จะเดินผ่านเขตรแดนพม่ารามัญ ซึ่งเปนปัจจามิตรของกรุงเทพ ฯ
ตั้งสกัดทางอยู่ข้างฝ่ายเหนือ เพราะฉนั้นเชื้อพราหมณ์ในเมือง
นครศรีธรรมราชไม่มีสิ้นสุดจนถึงบัดนี้ มีเทวสถาน มีเสาชิงช้า
ซึ่งพราหมณ์ยังคงทำพิธี แต่เปนอย่างย่อ ๆ ตามมีตามเกิด เช่น
พิธีตรียัมพวายเอาแต่กระดานขึ้นแขวนเปนสังเขปเปนต้น ที่เข้ามา
อยู่กรุงเทพ ฯในชั้นหลัง ๆ นี้ก็มีโดยมาก จนพูดสำเนียงเปน
ชาวนอกอยู่ก็มี เช่นพระครูอัษฎาจารย์บิดาหลวงสุริยเทเวศร์
เดี๋ยวนี้เปนต้น ลัทธิเวทมนต์อันใดก็ไม่ใคร่ผิดแปลกกัน เปนแต่
เลือน ๆ ลงไปเหมือนพระสงฆ์ในกรุงเทพ ฯ แลหัวเมือง ชรอย
หัวเมืองข้างใต้ตั้งแต่เมืองนครศรีธรรมราชขึ้นมา จะเปนเมืองที่มี
พราหมณ์โดยมาก จนเมืองเพ็ชรบุรีก็ยังมีบ้านพราหมณ์ตั้งสืบ
ตระกูลกันมาช้านานจนถึงเดี๋ยวนี้
ลัทธิของพราหมณ์ที่นับถือพระเปนเจ้าต่าง ๆ บางพวกนับ
ถือพระอิศวรมากกว่าพระนารายน์ บางพวกนับถือพระนารายน์
มากว่าพระอิศวร บางพวกนับถือพรหม บางพวกไม่ใคร่พูด
ถึงพรหม บัดนี้จะว่าแต่เฉภาะพวกพราหมณ์ซึ่งเรียกว่าโหรดาจารย์
ซึ่งเปนผู้ทำพระราชพิธีตรียัมพวายตรีปวายอันเปนต้นเรื่องที่จะกล่าว
แต่พวกเดียว พราหมณ์โหรดาจารย์พวกนี้เปนพราหมณ์ที่สำหรับ
ใช้การพระราชพิธีในกรุงสยามทั่วไป ตั้งแต่การบรมราชาภิเศก
เปนต้น เว้นไว้แต่ที่เกี่ยวข้องด้วยช้างจึงเปนพนักงานพราหมณ์
พฤฒิบาศ พราหมณ์โหรดาจารย์พวกนี้นับถือพระอิศวรว่าเปน
ใหญ่กว่าพระนารายน์ นับถือพระอิศวรคล้ายพระยะโฮวาฤาพระ
อ้าหล่าที่ฝรั่งแลแขกนับถือกัน พระนารายน์นั้นเปนพนักงานสำหรับ
แต่ที่จะอวตารลงมาเกิดในมนุษย์โลกย์ ฤาอาวตารไปในเทวโลกย์
เอง คล้ายกันกับพระเยซูฤาพระมหะหมัด แปลกกันกับพระเยซู
แต่ที่อวตารไปแล้วย่อมทำร้ายแก่ผู้กระทำผิด คล้ายมหะหมัดซึ่ง
ข่มขี่ให้มนุษย์ทั้งปวงถือสาสนาตามลัทธิของตน ควรจะเห็นได้
ว่าสาสนาทั้งสามนี้มีรากง่าวเค้ามูลอันเดียวกัน แต่สาสนาของ
พราหมณ์เปนสาสนาเก่ากว่าสองสาสนา ชรอยคนทั้งปวงจะถือ
สาสนามผู้สร้างโลกย์เช่นนี้ทั่วกันอยู่แต่ก่อนแล้ว เพราะความคิด
เห็นว่าสิ่งใดจะเปนขึ้นเองไม่ได้ ย่อมมีผู้สร้าง การที่มนุษย์ทั้งปวง
จะได้รับความชอบความผิดต้องมีผู้ลงโทษแลผู้ให้บำเหน็จ เมื่อเห็น
พร้อมใจกันอยู่อย่างนี้จึงเรียกผู้มีอำนาจว่า ศิวะ ฤายะโฮวะ
ฤาอ้าหล่า ตามสำเนียงแลภาษา ก็เพราะสาสนาพราหมณ์เปน
สาสนาเก่า ได้กล่าวถึงพระนารายน์รับใช้พระอิศวรลงมาปราบ
ปรามผู้ซึ่งจะทำอันตรายแก่โลกย์เนือง ๆ เมื่อมีผู้คิดเห็นว่าความ
ประพฤติของมนุษย์ทั้งปวงในเวลานั้นไม่ถูกต้อง ก็เข้าใจว่าตัวเปน
พระนารายน์ผู้รับใช้ของพระอิศวรลงมาสั่งสอน ฤาปราบปรามมนุษย์
แต่กระบวนที่จะมาทำนั้นก็ตามแต่อัธยาไศรยแลความสามารถของ
ผู้ที่เชื่อว่าอวตารมา ฤาแกล้งอ้างว่าตัวอวตารมาด้วยความมุ่ง
หมายต่อประโยชน์ซึ่งจะได้ในที่สุด อันตนเห็นว่าเปนการตีการ
ชอบนั้น พระเยซูมีความ ตนว่าเปนลูกพระยะโฮวา คือ
พระอิศวร แต่ไม่มีกำลังสามารถที่จะปราบปรามมนุษย์ด้วยสาตรา
วุธ ก็ใช้แต่ถ้อยคำสั่งสอนจนถึงอันตรายมาถึงตัว ก็ต้องรับอันตราย
กรึงไม้กางเขน พวกศิษย์หาก็ถือว่าเปนการรับบาปแทนมนุษย์
ตามอาการกิริยาซึ่งพระเยซูได้ประพฤติ เปนคนใจอารีมา แต่เดิม
ตามความนับถือที่จะคิดเห็นไป ฝ่ามหะหมัดเกิดภายหลังพระเยซู
เพราะไม่สู้ชอบใจในคำสั่งสอนของพระเยซู จนคิดจะเปลี่ยนแปลง
อยู่แล้วนั้น จึงสามารถที่จะเห็นได้ว่าซึ่งพระเยซูอ้างว่าเปนลูกพระ
ยะโฮวานั้นเปนการ เกินไปแลไม่สู้น่าเชื่อ ทั้งการที่จะป้อง
กันรักษาชีวิต ตามทางพระเยซูประพฤติมานั้นก็ไม่เปนการป้อง
กันได้ จึงได้คิดซ่องสุมกำลังสาตราอาวุธปราบปรามด้วยอำนาจ
แล้วจึงสั่งสอนภายหลัง อ้างตัวว่าเปนแต่ผู้รับใช้ของพระอ้าหล่าให้
อำนาจแลความคิดลงมาสั่งสอนมนุษย์ทั้งปวง การซึ่งมนุษย์ทั้งปวง
เชื่อถือผู้ซึ่งอ้างว่ารับใช้พระอิศวรฤาพระยะโฮวาพระอ้าหล่าลงมาเช่นนั้น ก็ด้วยอาไศรยในคัมภีร์ของพราหมณ์ได้กล่าวไว้ว่าพระนารายน์
ได้รับใช้พระอิศวรลงมาเปนคราว ๆ นั้นเอง จนถึงประจุบันเดี๋ยวนี้
ก็ยังไม่สิ้นความคิดเห็นอย่างนี้ ยังมีมะหะดีอวตารลงมาตามคำ
ทำนายของมหะหมัด มุ่งหมายจะประกาศแก่มนุษย์ทั้งปวงว่าเปน
อวตารตามอย่างเก่า แต่เปนเวลาเคราะห์ร้ายถูกคราวที่มนุษย์
ทั้งปวงเจริญขึ้นด้วยความรู้ไม่ใคร่มีผู้ใดเชื่อถือ จนเราอาจทำนาย
ได้เปนแน่ว่า สืบไปภายน่าพระอิศวรคงจะไม่อาจใช้ใครลงมาได้อิก
ถึงลงมาคงจะไม่มีผู้ใดเชื่อถือ
ในพระราชนิพนธ์ด้านบนนี้ทรงตรัสถึงศาสนาต่าง ๆในโลกที่มีความเกี่ยวพันกัน เพื่อนำไปสู่การมีพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย ต่อไป ตามที่ผมได้เรียนให้ทราบแล้วว่าภาษาที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนภาษาโบราณที่อาจจะไม่คุ้นหูคุ้นเคย ในปัจจุบัน และข้อความที่ปรากฎต่อสาธารณะชนปัจจุบันมีความอ่อนไหวและเกิดความขัดแย้งได้ง่ายจึงขอยกไว้เสีย แต่ไม่มีเจตนาที่จะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแต่อย่างใด ขอบพระคุณครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)