ป้ายด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ เปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ๑๐.๓๐ น.ถึง ๑๕.๓๐ น. เชิงสะพานนวรัฐ ฝั่งตะวันออก
วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
MUSEUM BENJAPON: พระประวัติ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี
MUSEUM BENJAPON: พระประวัติ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี: " จากเมื่อวานในพระราชหัตถเลขาที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ทรงตรัสถึง ดาวที่นำมาถวายที่องค์พระบรมธาตุดอยสุเทพ แล้วนั้น ในวันนี้ผมจะนำพระราชหัตถเลข..."
MUSEUM BENJAPON: พระประวัติ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี
MUSEUM BENJAPON: พระประวัติ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี: " จากเมื่อวานในพระราชหัตถเลขาที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ทรงตรัสถึง ดาวที่นำมาถวายที่องค์พระบรมธาตุดอยสุเทพ แล้วนั้น ในวันนี้ผมจะนำพระราชหัตถเลข..."
พระประวัติ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี
จากเมื่อวานในพระราชหัตถเลขาที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ทรงตรัสถึง ดาวที่นำมาถวายที่องค์พระบรมธาตุดอยสุเทพ แล้วนั้น ในวันนี้ผมจะนำพระราชหัตถเลขา ที่สำคัญ ฉบับหนึ่งซึ่งจะเกี่ยวข้องกับอาการพระประชวรซึ่งหน้าจะเป็นสัญญานแรกที่บอกเหตุแห่งการสวรรคตของพระองค์ในกาลต่อมา ซึ่งพระองค์ได้ทรงมีพระราชปรารภในพระราชหัตถเลขาถึงพระราชชายา ฯ ในฉบับนี้ ถึงพระอาการพระประชวร ซึ่งพระราชหัตถเลขา ฉบับนี้ข้องข้างจะยาวเป็นพิเศษ ผมจึงใคร่ขอแบ่งเป็นสองตอน ดังนี้
ตอนที่ ๑ หน้าที่ ๓๗ ถึงหน้าที่ ๔๑
(สำเนาพระราชหัตถเลขา)
วันที่ ๒ กรกฎาคม รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๘
ดารา
ด้วยเมื่อไปทะเลครั้งนี้ ถึงเกาะพงันได้รับหนังสือสองฉะบับ ๆ หนึ่ง
ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ฉะบับหนึ่งลงวันที่ ๒๘ เล่าถึงออกท่าทำยศทำศักดิ์
สนุกดี เจ้าจะเรียน้อยกว่าคนอื่น เพราะเคยออกหน้ามาตั้งแต่พ่อยัง
อยู่ ถ้าหากว่าเป็นข้างในตามเคยเห็นจะเกือบตาย คำรับรองที่
อ่านนั้นแต่งดีจริง ๆ ได้ ให้กรมหลวงนริศ ฯ ดู ตอบมาว่าได้เห็นเข้า
ก็ใจหาย กลัวในเรื่องแต่งหนังสือเช่นนี้ เราจะแพ้เขาเสียในภายหน้า
เชียงใหม่ยังไม่สิ้นคนรู้
ใบเมี่ยงที่ส่งลงมาใช้ได้ ฟังเล่าก็นึกอยากจะไป ข้อที่ต้องการ
จะเห็นมากนั้น คือ ห้วยแก้ว ดอยสุเทพ
ได้ให้ลงมือเขียนอย่างดาวที่จะประดับพระเจดีย์กันในทะเลนั้นเอง
แต่ประดักประเดิดด้วยเรื่องขนาด เพราะเหตุที่เขาตัดเลข ๘ เป็นเลข ๒
ไป ยังนึกวิตกอย่างเดียวว่าจะติดที่ไหน ถ้าต่ำ ๆ กลัวมันจะไม่อยู่
ถ้าสูงนักใครจะอ่านหนังสือเห็น เพราะหนังสือนั้นบรรจุลงไปมาก
จึงทำให้ตัวเล็ก แต่เห็นดีเช่นนั้น ถ้าจะนึกหน้ารูปร่างอย่างไร ก็คือ
ดวงสะตาร์ตราจักรีนั้นเอง เว้นไว้แต่ไม่มีสามง่ามออกไปคั่น อยู่ใน
ระหว่างแฉก ช่างเขาว่าจะแล้วเสร็จส่งได้ ในกลางเดือน ๘ อุตราสาท
จะรีบให้เดินบกขื้นไปให้ทันเดือน ๙
การที่ไปทะเลครั้งนี้ เหตุด้วยไม่สบายให้ตึงเมื่อยไป จึงได้
ประคบลูกประคบพลาดที่ท้องข้างซ้าย คราวนี้เลยปวดเป็นลำยันอยู่
ข้างใน ขี้ก็คั่ง เลยลุกลามปวดไปจนถึงข้างขวา เดินก็ไม่ถนัดต้อ ๆ
แต้ ๆ นอนจะพลิกตัวก็โอย ลุกขึ้นจะนั่งก็โอย แต่ข้าวกินได้
นอนหลับอยู่จึงไม่เป็นอะไรมาก เป็นแต่ไม่มีความสุขและดูงุ่มง่าม
ที่จริงเหตุที่เกิดทั้งนี้เห็นจะเป็นด้วยราชการชุกหมู่ใหญ่ ทรมานตัว
ประมาณสักสองเดือนเต็ม ๆ รู้สึกเมื่อยฟกเต็มที ได้แก้ไขเท่าไร
ไม่ยักหาย กลัวจะจับไข้จึงได้คิดอ่านหลบออกไปทะเล การไป
ทะเลก็ไปเที่ยวอย่างตาแก่ คือนอนอืดอยู่แต่ในเรือ ขึ้นบกน้อย
ด้วยเดินไม่ใคร่ไหว รีดน้ำมันร้อยอย่างตลอดทุกวัน แต่ก็ไม่เป็น
ประโยชน์อะไร ไม่ยักหาย จนกลับมาก็ยังเป็นอยู่เช่นนั้น จนทีหลัง
ที่สุดนี้อ่านอาการเจ็บใคร ๆ เห็นชื่อพระยาอมรสาตร์ ฯ คือ สิทธิสาร
เก่าบ่อย ๆ นึกว่าลองเอาแกมารักษาดูสักที เผอิญพอมาให้ กินยา
ก็ถูกต้อง ค่อยยังชั่วขึ้นทุกวัน จนเดี๋ยวนี้ยังเหลืออยู่สองแห่งที่ตะโพก
ข้างซ้ายแห่งหนึ่ง กับที่ใต้รักแร้ข้างขวาแห่งหนึ่ง ตึงอยู่เท่านั้น
ยาที่กินนั้นก็ขนานเดียว เรียกว่าสิทธิสารประสิทธิ ของพระยา
อมรสาตร์ บ้านปูน เดี๋ยวนี้ยานั้นเลยเก่งใหญ่ เพราะเขาเห็นหาย
ได้เร็ว ใคร ๆ ก็กินกัน ซื้อกันไว้คนล่ะมาก ๆ ตาอมรสาตร์
ออกจะรวย ๆ ในครั้งแรกที่ให้กินสองเม็ด รุ่งขึ้นแกมาถามว่าเป็น
อย่างไร บอกว่าเอาไปเถิดเมล็ดละ ๑๐๐ บาท ส่งเงินไปให้ ๒๐๐ บาท
สรรพยานั้น ใบสมอ กับโกฏน้ำเต้า กินเวลาก่อนจะนอน ไม่ไซ้
ไม่เซาะอย่างหนึ่งอย่างใด นิ่ง ๆ ตื่นขึ้นก็ไปหมดท้อง เว้นไว้แต่ถ้า
ท้องเสียจึงจะเหลวมาก กินทีละ ๒ เมล็ด สำหรับธาตุหนัก ถ้า
ธาตุเบาบางทีเมล็ดเดียวจะพอกระมัง ไม่รู้ว่าจะถูกกับโรคภัยของเจ้า
หรือไม่ แต่ตั้งใจว่าอะไรเป็นแฟชั่นที่ออกใหม่ในวัง จะส่งขึ้นมา
ให้เช่นนั้นเอง ถ้าดีอยู่แล้วขออย่าให้กิน ถ้ากินขออย่าให้ทุกวัน
จะท้องเสีย
ครับยังมีต่อครับพระราชหัตถเลขาฉบับนี้ข้อนข้างยาวจะนำมาเสนอในวันต่อไปครับ.
ตอนที่ ๑ หน้าที่ ๓๗ ถึงหน้าที่ ๔๑
(สำเนาพระราชหัตถเลขา)
วันที่ ๒ กรกฎาคม รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๘
ดารา
ด้วยเมื่อไปทะเลครั้งนี้ ถึงเกาะพงันได้รับหนังสือสองฉะบับ ๆ หนึ่ง
ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ฉะบับหนึ่งลงวันที่ ๒๘ เล่าถึงออกท่าทำยศทำศักดิ์
สนุกดี เจ้าจะเรียน้อยกว่าคนอื่น เพราะเคยออกหน้ามาตั้งแต่พ่อยัง
อยู่ ถ้าหากว่าเป็นข้างในตามเคยเห็นจะเกือบตาย คำรับรองที่
อ่านนั้นแต่งดีจริง ๆ ได้ ให้กรมหลวงนริศ ฯ ดู ตอบมาว่าได้เห็นเข้า
ก็ใจหาย กลัวในเรื่องแต่งหนังสือเช่นนี้ เราจะแพ้เขาเสียในภายหน้า
เชียงใหม่ยังไม่สิ้นคนรู้
ใบเมี่ยงที่ส่งลงมาใช้ได้ ฟังเล่าก็นึกอยากจะไป ข้อที่ต้องการ
จะเห็นมากนั้น คือ ห้วยแก้ว ดอยสุเทพ
ได้ให้ลงมือเขียนอย่างดาวที่จะประดับพระเจดีย์กันในทะเลนั้นเอง
แต่ประดักประเดิดด้วยเรื่องขนาด เพราะเหตุที่เขาตัดเลข ๘ เป็นเลข ๒
ไป ยังนึกวิตกอย่างเดียวว่าจะติดที่ไหน ถ้าต่ำ ๆ กลัวมันจะไม่อยู่
ถ้าสูงนักใครจะอ่านหนังสือเห็น เพราะหนังสือนั้นบรรจุลงไปมาก
จึงทำให้ตัวเล็ก แต่เห็นดีเช่นนั้น ถ้าจะนึกหน้ารูปร่างอย่างไร ก็คือ
ดวงสะตาร์ตราจักรีนั้นเอง เว้นไว้แต่ไม่มีสามง่ามออกไปคั่น อยู่ใน
ระหว่างแฉก ช่างเขาว่าจะแล้วเสร็จส่งได้ ในกลางเดือน ๘ อุตราสาท
จะรีบให้เดินบกขื้นไปให้ทันเดือน ๙
การที่ไปทะเลครั้งนี้ เหตุด้วยไม่สบายให้ตึงเมื่อยไป จึงได้
ประคบลูกประคบพลาดที่ท้องข้างซ้าย คราวนี้เลยปวดเป็นลำยันอยู่
ข้างใน ขี้ก็คั่ง เลยลุกลามปวดไปจนถึงข้างขวา เดินก็ไม่ถนัดต้อ ๆ
แต้ ๆ นอนจะพลิกตัวก็โอย ลุกขึ้นจะนั่งก็โอย แต่ข้าวกินได้
นอนหลับอยู่จึงไม่เป็นอะไรมาก เป็นแต่ไม่มีความสุขและดูงุ่มง่าม
ที่จริงเหตุที่เกิดทั้งนี้เห็นจะเป็นด้วยราชการชุกหมู่ใหญ่ ทรมานตัว
ประมาณสักสองเดือนเต็ม ๆ รู้สึกเมื่อยฟกเต็มที ได้แก้ไขเท่าไร
ไม่ยักหาย กลัวจะจับไข้จึงได้คิดอ่านหลบออกไปทะเล การไป
ทะเลก็ไปเที่ยวอย่างตาแก่ คือนอนอืดอยู่แต่ในเรือ ขึ้นบกน้อย
ด้วยเดินไม่ใคร่ไหว รีดน้ำมันร้อยอย่างตลอดทุกวัน แต่ก็ไม่เป็น
ประโยชน์อะไร ไม่ยักหาย จนกลับมาก็ยังเป็นอยู่เช่นนั้น จนทีหลัง
ที่สุดนี้อ่านอาการเจ็บใคร ๆ เห็นชื่อพระยาอมรสาตร์ ฯ คือ สิทธิสาร
เก่าบ่อย ๆ นึกว่าลองเอาแกมารักษาดูสักที เผอิญพอมาให้ กินยา
ก็ถูกต้อง ค่อยยังชั่วขึ้นทุกวัน จนเดี๋ยวนี้ยังเหลืออยู่สองแห่งที่ตะโพก
ข้างซ้ายแห่งหนึ่ง กับที่ใต้รักแร้ข้างขวาแห่งหนึ่ง ตึงอยู่เท่านั้น
ยาที่กินนั้นก็ขนานเดียว เรียกว่าสิทธิสารประสิทธิ ของพระยา
อมรสาตร์ บ้านปูน เดี๋ยวนี้ยานั้นเลยเก่งใหญ่ เพราะเขาเห็นหาย
ได้เร็ว ใคร ๆ ก็กินกัน ซื้อกันไว้คนล่ะมาก ๆ ตาอมรสาตร์
ออกจะรวย ๆ ในครั้งแรกที่ให้กินสองเม็ด รุ่งขึ้นแกมาถามว่าเป็น
อย่างไร บอกว่าเอาไปเถิดเมล็ดละ ๑๐๐ บาท ส่งเงินไปให้ ๒๐๐ บาท
สรรพยานั้น ใบสมอ กับโกฏน้ำเต้า กินเวลาก่อนจะนอน ไม่ไซ้
ไม่เซาะอย่างหนึ่งอย่างใด นิ่ง ๆ ตื่นขึ้นก็ไปหมดท้อง เว้นไว้แต่ถ้า
ท้องเสียจึงจะเหลวมาก กินทีละ ๒ เมล็ด สำหรับธาตุหนัก ถ้า
ธาตุเบาบางทีเมล็ดเดียวจะพอกระมัง ไม่รู้ว่าจะถูกกับโรคภัยของเจ้า
หรือไม่ แต่ตั้งใจว่าอะไรเป็นแฟชั่นที่ออกใหม่ในวัง จะส่งขึ้นมา
ให้เช่นนั้นเอง ถ้าดีอยู่แล้วขออย่าให้กิน ถ้ากินขออย่าให้ทุกวัน
จะท้องเสีย
ครับยังมีต่อครับพระราชหัตถเลขาฉบับนี้ข้อนข้างยาวจะนำมาเสนอในวันต่อไปครับ.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)