สวัสดีครับเมื่อวานนี้เป็นวันสำคัญของชาติอีกวันหนึ่งคือวันปิยมหาราช หลายๆท่านคงได้ไปวางพวงมาลาที่พระบรมราชานุเสาวรีย์ตามจังหวัดต่าง ๆ ผมได้นำเสนอพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่านบางตอนให้ทราบไปแล้ว พระองค์ทรงเป็นที่รักและเคารพจากประชาชนชาวสยาม ในขณะเดียวกันพระองค์ทรงเป็นที่รักเคารพของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี เจ้าหญิงแห่งนครเชียงใหม่ อันเป็นสายสัมพันธ์ที่ยาวนาน จนพระองค์เสด็จสวรรคต ต่อมาพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ก็เสด็จกลับคืนนครเชียงใหม่ แต่ก็ได้รับเสด็จ และการมาสู่ของเจ้านายข้าราชการจากกรุงเทพฯอยู่เสมอ และเมื่อเสด็จมาประทับที่เชียงใหม่พระองค์ยังทรงเอาพระทัยช่วยเหลือการงานของรัฐบาลและออกเยี่ยมเยียนราษฏรอยู่ตลอดพระชนม์ชีพ ดังในหนังสือพระประวัติ ที่เจ้าแก้วนวรัฐ ฯ เรียบเรียง ต่อไปดังนี้
ตอนที่ ๘ หน้าที่ ๑๑ ถึงหน้าที่ ๑๓
พระองค์เป็นขัติยนารีพิเศษพระองค์หนึ่ง คือพระวรกายแข็งแรง พระทัยก็กล้าหาญ ทั้งทรงรู้จักค้นคว้าหาเหตุผลจากสิ่งต่าง ๆ ดังจะเห็นได้จากเมื่อเสด็จมาประทับอยู่เชียงใหม่ตอนต้น ๆ เคยทรงม้าประพาสที่ต่าง ๆ พอพระทัยให้ม้าวิ่งเสมอ โปรดเสด็จทอดพระเนตร์ภูมิประเทศต่าง ๆ แม้จะไกลและกันดาร หมิ่นต่ออันตรายก็ไม่ทรงท้อถอย เช่นเสด็จจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประพาสตั้งแต่อำเภอปายถึงอำเภอขุนยวม เสด็จลงเรือเล็กล่องตามแม่น้ำสาละวิน ซึ่งกว้างและลึก น่ากลัวอันตรายมากถึงสามราตรี และได้เสด็จขึ้นประพาสบ้านใหม่ในเขตต์เมืองยางแดง เสด็จกลับทางอำเภอแม่สะเรียง ขึ้นประทับแรมบนยอดดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในพระราชอาณาจักร์สยาม และน้อยคนที่จะได้ไปถึง เพราะทางขึ้นไปกันดาร สัตว์ป่าดุร้ายก็ชุม ต้องแผ้วถางทางและใช้ม้าเป็นพาหนะ ความหนาวถึง ๔๐ ดีกรีฟาเร็นไฮท์ แม้กระนั้นก็ประทับอยู่ถึงสองราตรี พระองค์ได้ทรงทำเครื่องหมายเป็นที่ระลึกไว้ณที่นั้นด้วย นอกจากนี้ยังเสด็จอำเภอฝางโดยขบวนช้างและม้า ประพาสบนดอยอ่างขางทอดพระเนตร์สวนฝิ่นของพวกแม้ว แล้วเสด็จนมัสการพระพุทธรูปทองทิพย์ อำเภอแม่สรวย เสด็จเชียงราย ทอดพระเนตร์ โพนช้างที่อำเภอเทิง และทอดพระเนตร์การจับช้างในพะเนียดที่อำเภอเชียงแสน ทอดพระเนตร์เขตต์แดนสยามกับฝรั่งเศสอังกฤษต่อกัน เสด็จลงเรือล่องตามลำน้ำโขงทอดพระเนตร์การจับปลาบึก ประพาสทอดพระเนตรวิวสองฝั่งแม่น้ำโขง เสด็จนมัสการพระธาตุดอยตุง เสด็จกลับเชียงใหม่ทางโหล่งกวง ต้องขึ้นเขาลงห้วยรอนแรมอยู่ในป่าลำบากมากเป็นเวลาหายราตรี ซึ่งเวลานี้ไม่ใคร่จะมีใครเดินทางนั้นแล้วนอกจากนี้ยังเคยเสด็จอำเภอเถิน อำเภอลี้ ออบแม่แจ่ม อำเภอฮอด พระบาทสี่รอย น้ำตกแม่กลาง แม่ยะ และพระบาท พระธาตุ ถ้ำ เหว อื่น ๆ อีกมาก ทางปักษ์ใต้ก็ได้เคยเสด็จตั้งแต่ราชบุรีตลอดถึงปีนัง ทั้งเสด็จเมื่อถนนหนทางยังไม่สะดวกเหมือนเวลานี้ด้วย เมื่อเสด็จถึงที่ไหนก็พยายามสืบถามถึงการทำมาหาเลี้ยงชีพผู้ที่อยู่แถบนั้น ๆ เมื่อปรากฏว่าอดอยากก็ประทานเข้าของเงินทอง และทรงพยายามหาทางช่วยเหลือเสมอ.
จบตอนที่ ๘ ถ้าหากอ่านจากหนังสือพระประวัติ พระราชชายา ในตอนนี้แล้ว จะทำให้ทราบถึงพระจริยาวัตรของพระราชชายา ที่ทรงมีต่อประชาชนในถิ่นธุรกันดาล ซึ่งผ่านมากว่าเกือบร้อยปีที่แล้ว การเสด็จออกเยี่ยมเยียนราษฏรในสมัยนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายสำหรับเจ้านายที่ทรงเคยประทับอยู่แต่ในพระบรมหาราชวังตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ไม่เคยทรงลำบาก แต่อาจด้วยทรงใกล้ชิดกับสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงที่เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่พระองค์ทรงเสด็จออกประพาสต้นอยู่เนืองๆ เพื่อดูแลทุกข์สุขของราษฏร จึงทำให้พระราชชายา เจาดารารัศมี ทรงมีพระวิริยะอุสาห์ตามรอยพระยุคลบาท ในการที่จะเยี่ยมเยียน ดูแลทุกข์ของราษฏร ทั้งใกล้และไกล และทรงงานที่เป็นประโยชน์อีกมากมายซึ่งจะได้เล่าให้ท่านฟังในคราวต่อไปครับ.
ป้ายด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ เปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ๑๐.๓๐ น.ถึง ๑๕.๓๐ น. เชิงสะพานนวรัฐ ฝั่งตะวันออก
วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553
พระประวัติ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น