ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านที่ติดตามก็เนื่องด้วยช่าวนี้ผมกำลังปรับปรุงบ้านเพื่อจะเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ทำให้ไม่มีเวลาที่จะเข้ามานำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ ตอนนี้ก็ยังคงไม่เสร็จตามกำหนด แต่กลัวว่าท่านที่ติดตามจะไม่เข้ามาจึงได้พยายามจะนำเสนอพระราชพิธีต่าง ๆ ให้ทันเดือนแต่บางพระราชพิธีนั้นมีรายละเอียดยาวมากเช่นพระราชพิธีตรียัมพวายตรีปวาย ถ้าผู้ใดสนใจผมจะส่งให้ทางต่างหากเพราะถ้าลงจะกินเนื้อที่มาก จึงจะพยายามนำพระราชพิธีที่มีเนื้อหาสั้น ๆ มานำเสนอให้ทันกับเวลาและเหตุการณ์น่ะครับ อย่างวันนี้ใกล้ตรุศจีน ก็จะนำการพระราชกุศลเลี้ยงพระตรุศจีน ในพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชนิพนธ์ ดังนี้ครับ หน้าที่ ๑๒๙ ถึง หน้าที่ ๑๓๒
การนี้เกิดขึ้นในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ด้วยทรงพระปรารภของซึ่งพวกจีนนำมาถวายในตรุษจีน เปน
ของสดสุกรเป็ดไก่พร้อมกันหลาย ๆ คน มาก ๆ จนเหลือเฟือ ก็
ควรที่จะให้เปนไปในพระราชกุศล จึงได้โปรดให้มีเลี้ยงพระสงฆ์
ที่พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยขึ้นทั้งสามวัน แต่ไม่มีสวดมนต์ พระ
สงฆ์ฉันวันละ๓๐รูปเปลี่ยนทุกวัน ตามคณะกลาง คณะเหนือ คณะ
ใต้ โปรดให้พระบรมวงษานุวงษ์ แลท้าวนางข้างในจัดเรือนขนม
จีนมาจอดที่หน้าตำหนักแพ พวกภรรยาข้าราขการผู้ใหญ่ ๆ ที่ทรงรู้
จักเคยเฝ้าแหนก็จัดเรือขนมจีนมาถวายผลัดเปลี่ยนเวรกันไปทั้งสาม
วัน ตัวก็มาเฝ้าด้วย แล้วให้ทนายเลือกกรมวังคอยรับขึ้นมา
ถวายพรสงฆ์ฉัน แล้วจึงได้เลี้ยงข้าราชการต่อไป พระสงฆ์
ฉันแล้วถวายสบงผืนหนึ่ง หมากพลูธูปเทียนกับใบชาห่อหนึ่ง แต่
วิธีอนุโมทนาของพระสงฆ์ในการตรุศจีนนี้ ไม่เหมือนกันทั้งสาม
วันแต่ไหนแต่ไรมา ลางวันก็มีสัพพะพุทธา ลางวันก็ไม่มี แต่
เห็นว่าเปนการพระราชกุศลตามธรรมเนียมเช่นนี้ โดยจะไม่มี
สัพพะพุทธาก็ไม่เปนการขาดเหลืออันใดทั้งมีแลไม่มี แลในการ
ตรุศจีนจ่ายเงินให้ซื้อปลาปล่อยวันละ ๑๐ ตำลึงบรรทุกเรือมาจอด
อยู่ที่แพลอย เวลาทรงพระเต้าษิโณทกแล้วโปรดให้พระเจ้าลูก
เธอนำลงไปรดที่เรือปลา แล้วตักปลานั้นปล่อยไปน่าที่นั่ง
ครั้นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่า
การที่ทำบุญตรุศจีนเลี้ยงขนมจีนนั้นไม่ใช่ของจีน เปนแต่สักว่าชื่อ
เปนจีน ให้ทำเกาเหลาที่โรงเรือนยกเข้ามาเลี้ยงพระสงฆ์แทนขนมจีน
เปนของหัวป่าชาวเครื่องทำ แล้วทรงสร้างศาลหลังคาเก๋งขึ้นที่น่า
พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยศาลหนึ่ง ให้เชิญเทวรูปแลเจว็ดมุกในหอ
แก้วลงไปตั้ง มีเครื่องสังเวยทั้งสามวัน อาลักษณ์อ่านประกาศเปน
คำกลอนลิลิตตามเนื้อความของคาถายานี แลขอพรข้างปลาย
เปนการเทวพลีให้เข้าเค้าอย่างเส้นข้างจีน ที่พระพุทธรูปก็มีเครื่อง
เส้นอย่างจีนตั้งเพิ่มเติมเข้าพระด้วย แลให้มีโคผูกต่างบรรทุกของ
ถวายตรุศจีน คือแตงอุลิต ขนมเข่ง กระเทียมดอง สิงโตน้ำ
ตาลทราย ส้ม เปนต้นวันละ ๓ โถ ถวายพระราชาคณะผู้ใหญ่ซึ่ง
นำฉัน โคนั้นบรรทุกของแล้วยืนถวายตัวที่โรงเรือนริมทางเสด็จ
แต่โคบางตัวก็บรรทุกได้ครึ่งหนึ่งบ้าง ค่อนหนึ่งบ้าง บางตัวก็
บรรทุกไม่ได้เลย ที่ประทับอยู่ข้างตวันตกริมน้ำ เพื่อจะได้ทอดพระเนตร
ทางแม่น้ำสดวก ครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว รับสั่งว่าธรรมเนียมซึ่งจะตั้งที่ประทับต้องอยู่ข้างพระราชวัง
สำหรับที่จะหนีง่ายตามแบบเก่าที่เตรียมหนีมากกว่าเตรียมสู้ ซึ่ง
เคยทรงเยาะเย้ยธรรมเนียมต่าง ๆ มีผูกพระคชาธารให้เปนเงื่อน
กระทกเปนต้น แต่ธรรมเนียมเช่นนั้นลงเปนแบบแผนใช้มาช้านาน
แลธรรมดาเจ้าของบ้านเจ้าของเรือน ก็คงจะต้องรับแขกอยู่น่าประตู
ที่จะเข้าเรือน หันน่าออกข้างนอก ผู้ซึ่งมาหาก็ต้องมาจากภาย
นอกหันหน้าเข้าข้างใน จึงรับสั่งให้เปลี่ยนพระสงฆ์ไปนั่งทางตวัน
ตก ทอดที่ประทับทางตวันออก ใช้มาจนตลอดรัชกาล ครั้นถึง
แผ่นดินประจุบันนี้ สมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงษ์ท่านเห็น
ว่า ซึ่งที่ประทับมาอยู่ข้างในนั้น ไม่เปนทางที่จะเห็นน้ำเห็นท่าให้
เปนที่สบาย จึงได้ขอกลับเปลี่ยนไปอย่างแผ่นตอนพระบาทสมเด็จ
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แลขอให้มีเรือขนมจีนขึ้นอย่างเก่า ให้
ภรรยาของท่านแลเจ้าพระยาทิพาการวงษ์ จัดขนมจีนมาถวายแล
มาเฝ้าเหมือนอย่างแต่ก่อน ในการตรุศจีนสมเด็จเจ้าพระยาอยู่
ข้างจะเปนธุระเห็นสนุกสนานมาก ตัวท่านเองก็อุสาห์มาเฝ้าพร้อม
กับขุนนางทั้ง ๓ วันทุก ๆ ปีมิได้ขาดเลย เพราะเปนการเวลาเช้า
ถูกอารมณ์ท่านด้วย เพราะฉนั้นการเลี้ยงตรุษจีนจึงได้มีขุนนาง
ผู้หลักผู้ใหญ่มาพรักพร้อมแน่นหนากว่าพระราชพิธีฤาการพระราช
กุศลอื่น ๆ แต่เรื่องเกาเหลาเลี้ยงพระนั้น เปนของที่อันเหลือที่
จะอัน, แล้วผู้ทำก็ล้มตายหายจากกร่อย ๆ ลงก็เลยละลายหาย
ไปเอง คงอยู่แต่เรือขนมจีนจนทุกวันนี้ ที่พระสงฆ์นั่งนั้นภายหลัง
มาก็กลายเปนอย่างแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ด้วยครั้งนั้นท่านทรงตัดสินธรรมเนียมทอดที่ลงไว้เปนแบบอย่างเสีย
แล้ว ผู้จัดการทั้งปวงก็ต้องวนลงหาแบบนั้นเปนหลักฐาน
การตรุศจีนนี้มีในเดือนยี่บ้าง เดือนสามบ้าง ตามอย่าง
ประดิทินจีนเขาจะตัดสินวันใดเปนปีใหม่ แลการภายหลังนี้มีเพิ่ม
เติมขึ้นมาในพระยาโชฎึกราชเศรษฐี และพระยาสวัสดิวามดิฐเดื๋ยว
นี้ จัดเครื่องโต๊ะอย่างจีนมาตั้งเลี้ยงเจ้านายปีแรกที่เก๋งพุทธ
รัตนสถาน ครั้นต่อมาก็เปนอันเลี้ยงที่ท้องพระโรง ในเวลาบ่าย
วันเชงเหมงนั้นตลอดมาจนทุกวันนี้
คำตักเตือนในการตรุศจีน ในการเลี้ยงพระตรุศจีน นอก
จากพระเต้าษิโณทกที่เปนโรคสำหรับตัวมหาดเล็ก ก็ยังมี
เทียนชนวนที่สำหรับพระราชทานพระเจ้าลูกเธอไปจุดเทียนสังเวย
เทวดา มหาดเล็กต้องคอยเชิญเสด็จฤาตามเสด็จไปด้วย อนึ่ง
เมื่อพระราชทานน้ำพระเต้าษิโณทก ให้พระเจ้าลูกเธอไปปล่อยปลา
มหาดเล็กต้องเชิญเสด็จฤาตามเสด็จลงไปที่แพลอยระวังรักษาพระ
เจ้าลูกเธอ ภูษามาลาต้องถวายพระกลดองค์น้อย นอกนั้นก็
ไม่สู้มีอันใดขาดเหลือนัก ฯ
ในพระราชนิพนธ์นี้จะเห็นได้ว่าไม่ได้มีพิธีกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับ
การไหว้เจ้าตามธรรมเนียมจีนเลย เป็นการเฉลิมฉลองอย่างเดียว
ซึ่งคงเป็นไปอย่างไทย คือมีเลี้ยงพระ ปล่อยปลา เป็นต้น
ป้ายด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ เปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ๑๐.๓๐ น.ถึง ๑๕.๓๐ น. เชิงสะพานนวรัฐ ฝั่งตะวันออก
วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น