เมื่อพระราชชายา เจ้าดารารัศมี เสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ได้ประทับที่ตำหนักที่โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างในพระราชวังดุสิต ซึ่งเรียกว่า ตำหนักฝรั่งกังไส ได้ สิบเอ็ดเดือนเศษ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็เสด็จสวรรคต ในปี พ.ศ. ๒๔๕๓ นับจนถึงปีนี้ได้ หนึ่งร้อยปี พระราชชายา และ พระบรมวงศ์สานุวงค์ฝ่ายในต้องเสด็จกลับเข้าในพระบรมมหาราชวังทั้งหมด พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ทรงประทับอยู่ในพระบรมมหาราชวังอีก สามปีเศษ ก็กราบถวายบังคมลาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวมาประทับที่นครเชียงใหม่ รายละเอียดในหนังสือที่เจ้าแก้วนวรัฐทรง ดังนี้
ตอนที่ ๗ หน้า ๙
เสด็จกลับมาประทับอยู่เชียงใหม่
เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๗ เจ้าแก้วนวรัฐ ลงไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระราชชายา ฯ ได้กราบถวายบังคมลาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อคืนมาประทับอยู่ที่นครเชียงใหม่ ได้ มีพระราชดำรัสเหนือเกล้า ฯ ว่า ถ้าเจ้าแก้วนวรัฐ ฯ รับรองจะให้ความสุขและรักษาความปลอดภัยได้ ก็จะโปรดเกล้า ฯ ให้ ขึ้นมา เจ้าแก้วนวรัฐ ฯ รับสนองพระบรมราชโองการตามพระราชประสงค์ จึงได้รับพระราชทานบรมราชานุญาต.
วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๗ เสด็จจากกรุงเทพ ฯ โดยขบวนรถไฟ ซึ่งเวลานั้นถึงเพียงเด่นไชย แต่กรมรถไฟหลวงได้จัดรถพิเศษถวายจนถึงสถานีผาคอ ต่อจากผาคอเสด็จโดยขบวน ช้างม้านับด้วยร้อย คนหาบหามกว่าพัน ซึ่งเจ้านายข้าราชการทั้งเชียงใหม่ ลำพูนลำปางจัดไปคอยรับ เสด็จถึงเชียงใหม่วันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๗ ครั้งนี้ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้นางสนม กรมวัง คุณท้าว เฒ่าแก่ จ่า โขลน ตามเสด็จอย่างครั้งแรก และโปรดเกล้า ฯ ให้มหาเสวกโท พระยาเวียงในนฤบาล เป็นผู้กำกับการอยู่ประจำพระองค์ได้ ๕ เดือนเศษ จึงโปรดเกล้าให้พระยานิพันธ์ราชกิจขึ้นมาเปลี่ยน แต่ผลัดเปลี่ยนกันอยู่เช่นนี้ได้ประมาณปีเศษ พระองค์ทรงเห็นว่าที่โปรดเกล้า ฯ ให้ข้าราชการผู้ใหญ๋ผู้น้อย คุณท้าว เฒ่าแก่ สนม กรมวัง ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมาอภิบาลเช่นนั้นย่อมเป็นการลำบาก จึงขอพระราชทานให้งดเสีย โดยขอให้เจ้าแก้วนวรัฐ ฯ กับเจ้านายในนครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพระญาติรับผิดชอบแทน.
ตั้งแต่พระองค์ได้เสด็จมาประทับอยู่ที่นครเชียงใหม่ ก็ได้ทรงอุปการะแก่พระประยูรญาติทั้งเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และจังหวัดอื่น ตลอดถึงสมณชีพราหมณ์และประชาชนทั่วไป เนื่องจากเหตุนี้จึงรับสั่งให้คนไปสืบหาเครือญาติถึงลำพูน ลำปาง พะเยา เชียงรายเป็นหลายครั้ง เมื่อทรงทราบว่าผู้ที่มีอายุคนรู้จักเครือญาติมากก็ไปเชิญตัวมาซักไซ้ไล่เรียงด้วยพระองค์เอง โดยยอมเสียค่าใช้จ่ายและยังได้ประทานรางวัลอีกด้วย ซึ่งพระองค์ต้องสิ้นเปลืองแลเสียเวลามาก นับว่าพระองค์รวบรวมเครือญาติได้เกือบหมด แต่ไม่ทันพิมพ์เป็นเล่มก็มาสิ้นพระชนม์เสีย ซึ่งผู้ที่อยู่ภายกลังจะต้องพยายามในเรื่องนี้ต่อไป
พระองค์ทรงอุปถัมภ์บำรุงพระวรพุทธสาสนา และทรงพระเมตตากรุณาเผื่อแผ่แก่พ่อค้าคฤหบดี กับแสดงพระอัธยาศรัยไมตรีแก่ประชาชนทั่วไปอย่างดียิ่ง ทั้งน้ำพระทัยก็กว้างขวาง ยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเอาพระทัยฝักไฝ่ช่วยเหลือการงานของรัฐบาลบางอย่าง ในบางครั้ง เพราะทรงรอยรู้ในระเบียบแบบแผนราชการ และประวัติศาสตร์ อักษรศาสตร์ นาฎศาสตร์ ศิลปศาสตร์ หัตถศาสตร์ เป็นอย่างดี ทั้งทรงรู้จักคุ้นเคยกับเจ้านาย ข้าราชการมากด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อเจ้านายข้าราชการพระองค์ใด ผู้ใด เสด็จและมาสู่นครเชียงใหม่คราวใด พระองค์ก็ทรงเอื้อเฟื้อรับรอง ฝ่ายแขกก็เสด็จเยี่ยมและเฝ้าพระองค์ท่านทั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีรัชกาลนี้ สมเด็จพระปิตุลา บรมพงศาภิมุข สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต และเจ้านายอื่นที่เสด็จเชียงใหม่ทุก ๆ พระองค์ ก็ได้เสด็จเสวยพระกระยาหารที่วังพระองค์ท่าน.
จบตอนที่ ๗ หน้า ๑๑ ตอนต่อไปเป็นพระราชกิจที่ทรงเสด็จไปเยี่ยมเยียน และทอดพระเนตรทั่วทั้งแผ่นดินล้านนาทรงเอาพระทัยการทำมาหาเลี้ยชีพผู้ที่อยุแถบที่เสด็จไปถึง
ป้ายด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ เปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ๑๐.๓๐ น.ถึง ๑๕.๓๐ น. เชิงสะพานนวรัฐ ฝั่งตะวันออก
วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553
พระประวัติ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น