วันนี้เป็นวันเพ็ญเดือน ๑๒ ใต้ ผมขออนุญาติที่อัญเชิญพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงไว้ในเรื่องพระราชพิธีสิบสองเดือน ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พิมพ์เปนของพระราชทานในงานพระศพ พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าเจริญศรีชนมายุ ปีวอก พ.ศ. ๒๕๖๓ พิมพ์ที่โรงพิมพ์ไทย ถนนรองเมือง กรุงเทพ ฯ ซึ่งพระราชนิพนธ์นี้ทรงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปีชวด พ.ศ. ๒๔๓๑ในหนังสือวชิรญาณ ที่พิมพ์แจกสมาชิกทุกสัปดาห์ ซึ่งพระราชนิพนธ์เพระราชพิธีจองเปรียง นี้มี ตั้งแต่หน้า ๙ ถึง ๑๖ ซึ่งอัญเชิญมาเสนอเปนตอน ๆ ไป ดังนี้
ตอนที่ ๑ หน้าที่ ๙ ถึงหน้า ๑๐
เดือน ๑๒
พระราชพิธีจองเปรียง
การพระราชพิธีในเดือน ๑๒ ซึ่งมีมาในกฏมณเฑียรบาลว่า
พิธีจองเปรียง ลดชุดลอยโคม ตรวจดูในความพิศดาร ใน
กฏหมายนั้นเองก็ไม่มีข้อความใด กล่าวถึงเสาโคมแลการจุดโคม
อย่องหนึ่งอย่างใดชัดเจน ฤาจะเปนด้วยเปนการจืด ผู้ที่แต่ง
ถือว่าใคร ๆ ก็เห็นตัวอย่างอยู่แล้วไม่ต้องกล่าว มีความแปลก
ออกมานิดเดียว แต่ที่ว่าการพิธีจองเปรียงลดชุดลอยโคม แลเดิม
"ลงน้ำ" เข้าอิกคำหนึ่ง คำที่ว่า "ลงน้ำ" นี้จะแปลว่ากระไร
ก็สันนิฐานยาก จะเข้าใจว่าเอาโคมที่เปนโครงไม้ไผ่หุ้มผ้าที่ชัก
อยู่บนเสามาแต่ต้นเดือนลดลงแล้วไปทิ้งลงในน้ำ ก็ดูเคอะไม่ได้
การเลย ฤาอีกอย่างหนึ่งจะเปนวิธีว่าเมื่อลดโคมแล้ว ลอยกระทง
สมมติว่าเอาโคมนั้นลอยไปตามลัทธิพราหมณ์ ที่พอใจลอยอะไร ๆ
จัดอยู่เช่นกับลอยบาปล้างบาป จะถือว่าเปนลอยเคราะห์ลอยโศก
อย่างใดไปได้ดอกกระมัง การก็ตรงกันกับลอบกระทง ลางที
จะสมมติว่าลอยโคม ข้อความตามกฏมณเฑียรบาลมีอยู่แต่เท่านี้
ส่วนการพระราชพิธี ซึ่งได้ประพฤติอยู่ในประจุบันนี้นับว่า
เปนพระราชพิธีพราหมณ์ มิได้เกี่ยวข้องด้วยพระพุทธสาสนาสืบมา
กำหนดที่ยกโคมนั้นตามประเพณีโบราณว่าถ้าปีใดมีอธิกมาศ ให้
ยกโคมตั้งแต่วันขึ้นค่ำหนึ่งไป จนวันแรมสองค่ำเปนวันลดโคม
ถ้าปีใดไม่มีอธิกมาศ ให้ยกโคมขึ้นสิบสี่ค่ำ เดือนอ้านขึ้นค่ำหนึ่ง
เปนวันลดโคม อีกนัยหนึ่งว่ากำหนดตามโหราสาตรว่าพระอาทิตย์
ถึงราษีพิจิกร พระจันทร์อยู่ราษีพฤศภเมื่อใด เมื่อนั้นเปนกำหนดที่
จะยกโคม อิกนัยหนึ่งกำหนดด้วยดวงดาวกติกาคือดาวลูกไก่
ถ้าเห็นดาวลูกไก่นั้นตั้งแต่ค่ำจนรุ่งเมื่อใด เปนเวลายกโคม การ
ที่ยกโคมขึ้นนั้นตามคำโบราณกล่าวว่ายกขึ้นเพื่อบูชาพระเปนเจ้า
ทั้งสาม คือพระอิศวร พระนารายน์ พระพรหม การซึ่ง
ว่าบูชาพระเปนเจ้าทั้งสามนี้เปนต้นตำราแท้ ในเวลาถือไสยสาตร
แต่ครั้งเมื่อพระเจ้าแผ่นดินทรงนับถือพระพุทธสาสนา ก็กล่าวว่าบูชา
พระบรมสารีริกธาตุ พระจุฬามณีในดาวดึงษพิภพ แลบูชา
พระพุทธบาท ซึ่งปรากฎอยู่ณหาดทรายเรียกว่านะมะทานที เปน
ที่ฝูงนาคทั้งปวงสักการบูชาอยู่ แต่ถึงโคมไชยที่อ้างว่าบูชา
พระบรมสารีริกธาตุพระพุทธบาทดังนี้แล้ว ก็ยังเปนพิธีของพราหมณ์
พวกเดียว คือตั้งแต่พระราชพิธีพราหมณ์ก็เข้าพิธีที่โรงพิธีใน
พระบรมมหาาราชวัง แลเวลาเช้าถวายน้ำพระมหาสังข์ตลอดจนวัน
ลดโคม เทียนที่จะจุดในโคมนั้นก็ทาเปรียง คือไขข้อพระโคซึ่ง
เปนลัทธิพราหมณ์แท้ ........
ในวันนี้นอัญเชิญมาเสนอเพียงแค่นี้แล้วจะนำเสนอในวันต่อ ๆ ไป ซึ่งเมื่ออ่านก็คงพอสรุปด้ว่าแต่แรกเริ่มนั้นมีการแขวนโคมที่เป็นโครงไม้ไผ่หุ้มด้วยผ้าแขวนบูชายังเทพพระเจ้าในศาสนาพราหมณ์อยู่ก่อนแล้วนั้นเองครับ ซึ่งสิ่งที่ยังไม่เปี่ยนแปลงมาจนถึงทุกวันนี้คือการที่โครงโคมใช้ไม้ไผ่และหุ้มด้วยผ้าซึ่งยังทำอยู่ทุกวันนี้ในจังหวัดเชียงใหม่ครับ.
ป้ายด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ เปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ๑๐.๓๐ น.ถึง ๑๕.๓๐ น. เชิงสะพานนวรัฐ ฝั่งตะวันออก
วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น