พระราชพิธีเดือนหกในพระราชนิพนธ์เรื่องพระราชพิธีสิบสองเดือน ในพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาจุฬาลงกรณื พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งยังคงมีมาถึงปัจจุบันแต่อาจมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับสภาพปัจจุบันบ้าง แต่ในที่นี้อยากให้ผู้อ่านทราบถึง พระราชพิธีในครั้งรัชกาลที่ ๔ และ ๕ ซึ่งมีมาแต่เดิม ตามพระราชนิพนธ์ ดังนี้ ครับ
พระราชพิธีพืชมงคล แลจรดพระนังคัล
การพระราชพิธีกล่าวเปนสองชื่อ แต่เนื่องกันเปนพิธีเดียว
นี้ คือปันในวันสวดมนต์เปนวันพระราชพิธีพืชมงคล ทำขวัญพืช
พรรณต่าง ๆ มีเข้าเปลือกเปนต้น จรดพระนังคัลเปนพิธีเวลาเช้า
คือลงมือไถ ถ้าจะแบ่งเปนคนละพิธีก็ได้ ด้วยพิธีพืชมงคลไม่
ได้ทำแต่ในเวลาค่ำวันสวดมนต์ รุ่งขึ้นเช้าก็ยังมีการเลี้ยงพระ
ต่อไปอีก การจรดพระนังคัลนั้นเล่า ก็ไม่ได้ทำแต่วันซึ่งลงมือ
แรกนา เริ่มพระราชพิธีเสียแต่เวลาค่ำวันสวดมนต์พืชมงคลนั้น
แล้ว พระราชพิธีพืชมงคลเปนพิธีสงฆ์ทำที่ท้องสนามหลวงในพระ
นคร พระราชพิจรดพระนังคัลเปนพิธีพราหมณ์ ทำที่ทุ่งซ่มป่อย
นอกพระนคร พิธีทั้งสองนั้นก็นับว่าทำพร้อมกันในคืนเดียววันเดียว
กัน จึงได้เรียกชื่อติดกันว่า พระราชพิธีพืชมงคลแลจรดพระนังคัล
ฤกษ์การพระราชพิธีนี้ ต้องหาฤกษ์วิเศษกว่าฤกษ์อื่น ๆ คือ
กำหนดสี่อย่าง ฤกษ์นั้นอย่าให้ต้องวันผีเพลียอย่างหนึ่ง ให้ได้
ศุภดิถีอย่างหนึ่ง ให้ได้บุรณฤกษ์อย่างหนึ่ง ให้ ได้วันสมภเคราะห์
อย่างหนึ่ง ตำราฤกษ์นี้เปนตำราเกร็ด เขาสำหรับใช้เริ่มที่
จะลงมือแรกนา หว่านเข้า ดำเข้า เกี่ยวเข้า ขนเข้า ขึ้นยุ้ง แต่ที่เขาใช้
กันนั้นไม่ต้องหาฤกษ์อย่างอื่น ให้แต่ได้สี่อย่างนี้แล้ว ถึงจะถูกวัน
อุบาศน์โลกาวินาศก็ใช้ได้ แต่ฤกษ์จรดพระนังคัลอาไศรยประกอบ
ฤกษ์ดีตามธรรมเนียมด้วยอีกชั้นหนึ่ง ตามแต่จะได้ลงวันใดในเดือน
หก ดิถีซึ่งนับว่าผีเพลียนั้น ข้างขึ้นคือ ๑,๕,๗,๘,๙,๑๐,๑๑,๑๕,
ข้างแรม ๑,๕,๖,๗,๘,๑๐,๑๑,๑๔,เปนใช้ไม่ได้ ศุภดิถีนั้นก็
๘,๑๑,๑๔,๑๗,๒๒,๒๔,๒๖,๒๗, วันสมภเคราะห์นั้น คือ วันจันทร์
วันพุฒ วันพฤหัศบดี วันศุกร์ กับกำหนดธาตุอิกอย่างหนึ่ง ตามวัน
ที่โหรแบ่งเปน ปถวี อาโป เตโช วาโย ให้ได้ส่วนสัดกันแล้วเปน
ใช้ได้ จะพรรณาที่จะหาฤกษ์นี้จะยืดยาวไป เพราะไม่มีผู้ใดที่จะ
ต้องใช้อันใด
การแรกนาที่ต้องเปนธุระของผู้ซึ่งเปนใหญ่ในแผ่นดินเปนธรรม
เนียมมีมาแต่โบราณ เช่นในเมืองจีน สี่พันปีล่วงมาแล้ว พระเจ้า
แผ่นดินก็ลงทรงไถนาเองเปนคราวแรก พระมเหษีเลี้ยงตัวไหม
ส่วนจดหมายเรื่องราวอันใดในประเทศสยามนี้ ที่มีปรากฎอยุ่ในการ
แรกนานี้ก็มีอยู่เสมอเปนนิจไม่มีเวลาเว้นว่าง ด้วยซึ่งผู้เปนใหญ่
ในแผ่นดินลงมือทำเองเช่นนี้ ก็เพื่อจะให้เป็นตัวอย่างแก่ราษฎร
ชักนำให้มีใจหมั่นในการที่จะทำนา เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะได้
อาไศรยเลี้ยงชีวิตรทั่วหน้า เปนต้นเหตุของความตั้งหมั่นแลความ
งามเจริญไพบูรณ์แห่งพระนครทั้งปวง แต่การซึ่งมีวิธีเจือปนต่าง ๆ ไม่
เปนแต่ลงมือไถนาเป็นตัวอย่าง เหมือนอย่างชาวนาทั้งปวงลงมือ
ไถนาของตัวตามปรกติ ก็ด้วยความหวาดหวั่นต่ออันตราย คือ
นำฝนน้ำท่ามากไปน้อยไป ด้วงเพลี้ยแลสัตว์ต่าง ๆ จะบังเกิดเปน
เหตุอันตราย ไม่ให้ได้ประโยชน์เต็มภาคภูมิ แลมีความปรารถนา
ที่จะให้ประโยชน์เต็มภาคภูมิเปนกำลัง จึงได้ต้องแส่หาทางที่
จะแก้ไข แลทางที่จะอุดหนุน แลที่จะเสี่ยงทายให้รู้ล่วงน่าจะได้
เปนที่มั่นอกมั่นใจ ก็การที่จะแก้ไขเยียวยาน้ำฝนน้ำท่า ซึ่งเปน
ของเปนไปโดยฤดูปรกติเปนเองโดยอุบายลงแรงลงทุนอย่างไรไม่
ได้ จึงต้องอาไศรยคำอธิฐานเอาความสัตย์เปนที่ตั้งบ้าง ทำการ
ซึ่งไม่มีโทษนับว่าเปนการสวัสดิมงคล ตามซึ่งมาในพระพุทธสาสนา
บ้าง บูชาเส้นสรวงตามที่มาทางไสยสาตรบ้าง ให้เปนการช่วย
แรงแลเปนที่มั่นใจตามความปราถนาของมนุษย์ซึ่งคิดไม่มีที่สุด...
ยังมีต่อไปอีกจะนำเสนอในตอนหน้าครับจากพระราชนิพนธ์ทำให้ทราบว่าการพระราชพิธีนี้ต้องมีการหาฤกษ์ยาม และพระเจ้าแผ่นดินจะเป็นผู้ทรงไถนาเองซึ่งต่างจากปัจจุบันที่มีพระยาแรกนา และได้ทราบว่าพระราชพืชมงคลเป็นในทางพระ พุทธศาสนา ส่วน จรดพระนังคัลแรกนาเป็นพิธีพราหมณ์ และถือว่าเป็นพระราชพิธีที่เป็นมงคล เพื่อให้ฝนตกต้องตามฤดูการ ข้าวที่ปลูกอุดมสมบูรณ์ปราศจากศัตรูรบกวนและสร้างขวัญกำลังใจแก่ชาวนาอีกด้วย.
ป้ายด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ เปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ๑๐.๓๐ น.ถึง ๑๕.๓๐ น. เชิงสะพานนวรัฐ ฝั่งตะวันออก
วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น