พระราชพิธีพืชมงคล แลจรดพระนังคัล ในพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อจากตอนที่แล้ว ดังนี้ครับ
ก็ธรรมเนียมการแรกนาซึ่งมีมาในสยามแต่โบราณตามที่ค้น
ได้ในหนังสือต่าง ๆ คือหนังสือนพมาศ เมื่อครั้งกรุงศุโขไทยนั้น
มีข้อความว่า "ในเดือนหก พระราชพิธีไพศาข จรดพระนังคัล
พราหมณ์ประชุมกันผูกพรตเชิญเทวรูปเข้าโรงพิธีณท้องทุ่งละหาน
หลวงน่าพระตำหนักห้างเขา กำหนดฤกษ์แรกนาว่าใช้วันอาทิตย์
พระเจ้าแผ่นดินทรงเครื่องต้นอย่างเทศ ทรงม้าพระที่นั่งพยุหยาตรา
เป็นกระบวนเพ็ชรพวง พระอรรคชายาและพระราชวงษานุวงศ์ พระ
สนทกำนัลเลือกแต่ที่ต้องพระราชหฤไทย ขึ้นรถประเทียบตามเสด็จ
ไปในกระบวนหลัง ประทับที่พระตำหนักห้าง จึงโปรดให้ออกยาพล
เทพธิบดีแต่งตัวอย่างลูกหลวง มีกระบวนแห่ประดับด้วยกรรฉิ่งบัง
สูรย์ พราหมณ์เป่าสังข์โปรยเข้าตอกนำน่า ครั้นเมื่อถึงมณฑล
ท้องละหาน ก็นำพระโคอุศุภราชมาเทียมไถทอง พระครูพิธีมอบ
ยามไถแลประฎักทอง ให้ออกยาพลเทพเปนผู้ไถที่หนึ่ง พระศรี
มโหสถซึ่งเปนบิดานางนพมาศเองแต่งตัวเครื่องขาวอย่างพราหมณ์
ถือไถเงินเทียมด้วยพระโคเสวตรพระพรเดินไถเป็นที่สอง พระวัฒนะ
เศษรฐีแต่งกายอย่างคหบดี ถือไถหุ้มด้วยผ้ารัตกัมพลแดง เทียม
ด้วยโคกระวิลทั้งไม้ประฎัก พระโหราลั่นฆ้องไชยประโคมดุริยางค
ดนตรี ออกเดินไถเวียนซ้ายไปขวา ชีพ่อพราหมณ์ปรายเข้าตอก
ดอกไม้ บันฝาเสียงสังข์ไม้บัณเฑาะว์นำน่าไถ ขุนบริบูรณ์ธัญญา
นายนักงานนาหลวงแต่งตัวนุ่งเพลาะคาดราตคตสวมหมวกสาน ถือ
กระเช้าโปร่งปรายหวานพืชธัญญาหารตามทางไถจรดพระนังคัลถ้วน
สามรอย ในขณะนั้นมีการมหรศพ ระเลงระบำโมงครุ่มหกคเมน
ไต่ลวด ลอดบ่วงลำแพนแทงวิไสยไก่ป่าช้าหงษ์รายรอบปริมณฑล
ที่แรกนาขวัญ แล้วจึงปล่อยพระโคทั้งสามอย่างออกกินเลี้ยงเสี่ยง
ทายของห้าสิ่ง แล้วโหรพราหมณ์ก็ทำนายตามตำหรับไตรเทพ ใน
ขณะนั้นพระอรรคชายาก็ดำรัสสั่งพระสนมให้เชิญเครื่องพระสุพรรณ
ภาชน์มธุปายาศขึ้นถวายพระเจ้าอยุ่หัวเสวย ราชมัลก็ยกมธุปายาศ
เลี้ยงลูกขุนทั้งปวง" เปนเสร็จการพระราชพิธีซึ่งมีมาในเรื่องนพมาศ..
จากพระราชนิพนธ์ตอนนี้ทรงกล่าวถึงพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนา
ของกรุงสุโขทัย ซึ่งมีส่วนแตกต่างปัจจุบันอยุ่มาก และยังคงมีอีกที่ไม่เหมือน
กรุงสุโขทัยซึ่งจะนำเสนอต่อไปครับ
ป้ายด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ เปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ๑๐.๓๐ น.ถึง ๑๕.๓๐ น. เชิงสะพานนวรัฐ ฝั่งตะวันออก
วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น